โปรแกรมเก่ายังไม่หายฮิต โปรแกรมใหม่ก็มาอีกแล้ว ในยุคที่ความงามไม่หยุดนิ่ง นวัตกรรมจะหยุดตามก็ไม่ได้ ล่าสุดมีเครื่องยกกระชับตัวใหม กับโปรแกรม XERF ซึ่งเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวใหม่ล่าสุดที่ผสานคลื่นคู่ Dual-Frequency (6.78 + 2 MHz) ส่งพลังงานลึกถึงชั้น SMAS อย่างจำเพาะเจาะจง ช่วยดูแลปัญหาแก้มตกและกรอบหน้าไม่ชัดให้กลับมากระชับ โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น
จุดเด่นที่ทำให้ โปรแกรม XERF แตกต่างคือการ “ออกแบบรูปหน้า” ได้อย่างละเอียด ด้วยโหมดปรับความลึก 3 ระดับที่ช่วยให้แพทย์เลือกยกกระชับชั้นลึก หรือเลือกเก็บแก้มส้ม (Baby Fat) ไว้ไม่ให้หน้าตอบ จึงตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติและแก้ปัญหาได้ตรงจุดกว่าการใช้พลังงานความร้อนแบบกว้างเพียงอย่างเดียว
นอกจากความแม่นยำ โปรแกรม XERF ยังมอบประสบการณ์ที่สบายผิวด้วยเทคโนโลยี Wave Fit Pulse และระบบทำความเย็น ICD Cooling ที่ช่วยให้เจ็บน้อย บทความนี้จะพาไปเจาะลึกกลไกการทำงานและเปรียบเทียบกับโปรแกรมอื่น ๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าคุณเหมาะกับ โปรแกรม XERF หรือไม่
โปรแกรม XERF คือ อะไร?
โปรแกรม XERF เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุแบบขั้วเดียว (Monopolar Radiofrequency) แบบสองความถี่ (Dual-Frequency) ทำให้สามารถปรับโหมดความตื้น-ลึกของการปล่อยพลังงานได้ถึง 3 ระดับ

จุดเด่นหลักของโปรแกรม XERF:
- ส่งพลังงาน 2 ความถี่พร้อมกัน – ใช้ความถี่ 6.78 MHz และ 2 MHz ร่วมกัน ช่วยกระตุ้นผิวหลายระดับชั้นในครั้งเดียว
- ลงลึกถึงชั้น SMAS – SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) คือชั้นพังผืดที่รองรับโครงสร้างใบหน้า เป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า การส่งพลังงานถึงชั้นนี้จึงช่วยยกกระชับจากภายใน ไม่ใช่แค่กระชับผิวชั้นนอกเท่านั้น
- ปรับแต่งได้ตามสภาพผิว – มีระบบวิเคราะห์สภาพผิวอัตโนมัติที่ช่วยปรับพลังงานให้เหมาะสมกับแต่ละคน
- ความสบายขณะทำ – มีระบบทำความเย็นที่ช่วยลดความรู้สึกไม่สบาย
โปรแกรม XERF จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวอย่างครอบคลุม โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นนาน
ความแตกต่างของโปรแกรม XERF: “ออกแบบรูปหน้า” ได้ละเอียด หมดกังวลเรื่องหน้าตอบ

แม้เครื่อง RF ทั่วไปจะโดดเด่นเรื่องการส่งความร้อนมวลใหญ่เพื่อกระชับผิวและลดไขมัน แต่ โปรแกรม XERF ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ Pain Point ของโปรแกรมยกกระชับ Monopolar RF ด้วยจุดเด่นเรื่อง Customization ที่เหนือกว่า:
- เลือกความลึกได้ดั่งใจ (3 Depth Levels): ในขณะที่ RF ทั่วไปเน้นการส่งความร้อนกระจายทั่วชั้นไขมัน (Volumetric Heating) โปรแกรม XERF เพิ่มทางเลือกด้วยโหมดปรับความลึก 3 ระดับ (Shallow / Middle / Deep) ทำงานร่วมกับระบบวิเคราะห์ผิว (Impedance Feedback) ทำให้แพทย์สามารถ “เลือกชั้นผิว” ที่ต้องการรักษาได้อย่างแม่นยำในแต่ละบริเวณของใบหน้า
- ล็อกเก็บ “แก้มส้ม” (Baby Fat) ไม่ให้หน้าตอบ: จุดเด่นสำคัญโปรแกรม XERF สำหรับผู้ที่ไม่อยากให้หน้าดูเล็กหรือตอบเกินไป คือแพทย์สามารถเลือกใช้โหมดตื้น (Shallow/Middle) ในบริเวณหน้าแก้มเพื่อเน้นกระชับผิวและรูขุมขน โดยไม่ส่งความร้อนลงไปทำลายชั้นไขมัน (Baby Fat) ที่ทำให้หน้าแลดูอ่อนเยาว์ ช่วยเก็บวอลลุ่มหน้าไว้ได้ ต่างจากการใช้พลังงานเดียวที่จะลดไขมันทุกส่วน
- ลดไขมันเฉพาะจุดที่ต้องการ: ในทางกลับกัน สำหรับบริเวณที่มีปัญหาไขมันสะสม เช่น เหนียงหรือกรอบหน้า แพทย์สามารถสลับใช้โหมดลึก (Deep) เพื่อส่งคลื่น 2 MHz ลงไปจัดการชั้นไขมันและยกชั้น SMAS ได้อย่างเต็มที่ การรักษาจึงเป็นการ “ออกแบบรูปหน้า” ให้สวยกระชับแบบมีมิติ ไม่ใช่แค่ทำให้หน้าเล็กเพียงอย่างเดียว
หลักการทำงานของโปรแกรม XERF: สองคลื่นความถี่ช่วยอะไรบ้าง
คลื่นความถี่คู่: ส่งพลังงาน 2 ความถี่พร้อมกัน
โปรแกรม XERF ใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่คู่ที่ผสมผสาน 2 ความถี่เข้าด้วยกัน แต่ละความถี่ทำงานในชั้นผิวที่ต่างกัน:
- ความถี่ 6.78 MHz ส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวตื้นถึงกลาง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว ลดริ้วรอยตื้น กระชับรูขุมขน และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น เหมาะสำหรับปรับผิวชั้นบนให้ดูสุขภาพดี
- ความถี่ 2 MHz ส่งพลังงานลงสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และที่สำคัญคือลงถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นพังผืดที่รองรับโครงสร้างใบหน้า ช่วยยกกระชับจากชั้นลึก

ตามการศึกษาของ Park et al. (2024) ที่ตีพิมพ์ใน Journal of Cosmetic Dermatology โปรแกรม XERF ส่งพลังงานลงถึงชั้น SMAS โดยวัดอุณหภูมิในชั้นผิวลึกพบว่าสูงถึง 50-70°C ซึ่งเพียงพอต่อการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับโครงสร้าง (ขณะที่ผิวหน้าไม่เกิน 42-45°C จึงไม่เกิดความเสียหาย)
นอกจากนี้ ในบทความวิชาการ Skin Research and Technology (2024) ยังพบว่าเส้นใยคอลลาเจนหนาขึ้นและชั้น SMAS มีการยกตัวขึ้นอย่างชัดเจนหลังการทำโปรแกรม XERF
โหมดการทำงาน 3 ระดับความลึก ในโปรแกรม XERF
โปรแกรม XERF ปรับระดับความลึกได้ 3 โหมด เพื่อให้เหมาะสมกับปัญหาผิวและบริเวณที่ต่างกัน:
- Shallow Mode (โหมดตื้น) ส่งพลังงานลงชั้นผิวตื้น เหมาะสำหรับบริเวณหน้าผาก ซึ่งเป็นบริเวณที่ผิวบางและอ่อนไหวกว่าส่วนอื่น ช่วยลดริ้วรอยตื้น ๆ และปรับคุณภาพผิวโดยไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองมากเกินไป
- Middle Mode (โหมดกลาง) ส่งพลังงานลงชั้นผิวกลาง เหมาะสำหรับบริเวณแก้ม ใบหน้าส่วนกลาง และลำคอ ช่วยกระชับผิวและปรับโครงสร้างผิวให้ดูกระชับขึ้น
- Deep Mode (โหมดลึก) ส่งพลังงานลงชั้นผิวลึกและชั้น SMAS เหมาะสำหรับบริเวณใต้คาง เหนียง และกรอบหน้า ที่มักมีปัญหาผิวหย่อนหรือไขมันสะสม
จุดเด่น 5 เทคโนโลยีหลักของโปรแกรม XERF
1. คลื่นความถี่คู่ (6.78 + 2 MHz): ลงลึกถึงชั้น SMAS
จุดเด่นหลักของ โปรแกรม XERF คือนวัตกรรม Monopolar RF ที่ใช้ 2 คลื่นความถี่ทำงานร่วมกัน ซึ่งแตกต่างจาก RF ทั่วไปตรงที่สามารถ “เลือกชั้นผิวที่ต้องการเน้นได้” :
- ความถี่ 6.78 MHz: ส่งพลังงานลงชั้นผิวตื้นถึงกลาง เพื่อปรับคุณภาพผิวให้เรียบเนียน
- ความถี่ 2 MHz: ส่งพลังงานลงลึกถึง ชั้น SMAS เพื่อยกกระชับโครงสร้างจากภายใน
ด้วยความถี่พิเศษ 2 MHz นี้เอง ทำให้ โปรแกรม XERF เป็น Monopolar RF ที่สามารถส่งพลังงานลงลึกได้ถึงชั้น SMAS จริง จึงช่วยเรื่องการยกกระชับโครงสร้างหน้าได้ดีเยี่ยมในลักษณะเดียวกับเทคโนโลยี Focused Ultrasound (เช่น โปรแกรม Ultherapy)
2. Impedance Feedback: ปรับแต่งตามสภาพผิวแต่ละคน
Impedance Feedback คือระบบที่วิเคราะห์ค่าความต้านทานไฟฟ้าของเนื้อเยื่อผิว ซึ่งได้รับอิทธิพลจากความหนา โครงสร้าง และความชุ่มชื้นของผิว จากนั้นระบบจะแนะนำระดับความลึกที่เหมาะสม (Shallow / Middle / Deep) และแพทย์สามารถปรับพลังงานได้ถึง 10 ระดับอย่างแม่นยำ ช่วยให้ผลลัพธ์สม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นผิวหนา ผิวบาง อายุน้อย หรืออายุมาก แก้ปัญหาของเทคโนโลยี RF แบบเดิมที่ส่งพลังงานเท่ากันทุกคนโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่าง
3. Wave Fit Pulse Technology: ลดความเจ็บ เพิ่มประสิทธิภาพ
เทคโนโลยี Wave Fit Pulse ควบคุมการส่งพลังงานอย่างสม่ำเสมอ โดยแบ่งพลังงานออกเป็นชุดเล็ก ๆ หลายชุดแทนที่จะปล่อยแรงสูงครั้งเดียว ทำให้ความร้อนค่อย ๆ สะสมอย่างทั่วถึงและไม่กระจุกตัว ด้วยการปรับพลังงานได้ถึง 10 ระดับ แพทย์สามารถควบคุมความเข้มให้เหมาะสมกับผิวแต่ละคน ทำให้รู้สึกสบายตลอดการทำทรีตเมนต์ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา และยังคงได้ผลลัพธ์ที่ดี
4. ICD Cooling Pulse: ปกป้องผิวชั้นบน
ระบบทำความเย็นแบบ Integrated Cryogen Delivery (ICD) ช่วยปกป้องผิวชั้นบนด้วยการปล่อยความเย็นขณะให้พลังงาน ทำให้ส่งพลังงานลงชั้นลึกได้เต็มที่โดยไม่ทำร้ายผิวด้านนอก
ระบบนี้เพิ่มเย็นความสบายในการรักษา โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพของพลังงาน RF
5. Spider Pattern Effector + Real-Time Temperature Monitoring

หัวทิปของโปรแกรม XERF มีขนาดใหญ่ 2×3 ซม. (6 ตร.ซม.) ซึ่งถือว่าเป็นหัวทิปที่ใหญ่ที่สุดในท้องตลาด ณ ปัจจุบัน และถูกออกแบบพิเศษเป็นลายใยแมงมุม (Spider Pattern) เพื่อกระจายพลังงานทั่วพื้นผิวอย่างสม่ำเสมอและรวดเร็ว ลดปัญหาความร้อนสะสมกระจุกเพียงตรงกลาง
นอกจากนี้หัวทิปของโปรแกรม XERF ยังมีระบบตรวจจับอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ที่พร้อมหยุดทำงานอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิสูงถึง 43°C เพื่อป้องกันความเสี่ยงการไหม้ และออกแบบให้เหมาะกับโค้งใบหน้า ปรับใช้กับทุกบริเวณได้อย่างลงตัว
โปรแกรม XERF ช่วยอะไรบ้าง
ด้วยเทคโนโลยีคลื่นความถี่คู่ที่ลงลึกถึงชั้น SMAS โปรแกรม XERF จึงช่วยปรับปรุงผิวได้หลายด้าน:
- ยกกระชับผิวแบบโครงสร้าง – ลงถึงชั้น SMAS ช่วยยกกระชับจากภายใน กรอบหน้าชัดขึ้น แก้มที่ตกก็ดูยกขึ้น
- ปรับกรอบหน้าให้คมชัด – ลดแก้มย้อย ร่องแก้มดูตื้นลง ใบหน้าดูได้รูปและเรียวขึ้น
- ลดเหนียงใต้คาง – พลังงานที่ลงถึงชั้นไขมันช่วยกระชับเหนียงให้ดูเล็กลง คืนความเรียวให้แนวคาง
- ลดริ้วรอยเล็กๆ เก็บคูณภาพผิว – การกระตุ้นคอลลาเจนช่วยให้ริ้วรอยตื้นลงและผิวดูเรียบเนียนขึ้น
- กระตุ้นคอลลาเจนระยะยาว – ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 1-2 เดือนหลังทำ
- ปรับคุณภาพผิวโดยรวม – ผิวดูอิ่มฟูขึ้น รูขุมขนดูกระชับขึ้น ผิวมีความยืดหยุ่นดีขึ้น
โปรแกรม XERF เหมาะกับใครบ้าง?

โปรแกรม XERF เหมาะกับคนกลุ่มนี้:
เหมาะกับ:
- ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับเบาถึงปานกลาง
- ผู้ที่มีแก้มตก กรอบหน้าไม่ชัด หรือมีเหนียงใต้คาง
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับแต่ “กลัวหน้าตอบ” หรือต้องการเก็บแก้มส้ม (Baby Fat) ไว้ (ด้วยการปรับโหมดความลึกที่ไม่ทำลายชั้นไขมันในจุดที่ต้องการ)
- ผู้ที่มีปัญหาผิวผสมผสาน เช่น มีไขมันสะสมเฉพาะจุด (เช่น เหนียง) แต่อยากแค่กระชับผิวในส่วนอื่น
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับแบบโครงสร้างลึก (ลงถึงชั้น SMAS) โดยไม่ต้องผ่าตัด
- ผู้ที่กลัวเจ็บ หรือต้องการความสบายขณะทำ (ด้วยระบบ Wave Fit Pulse และความเย็น ICD Cooling)
- ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้นมาก ต้องการทำเสร็จแล้วใช้ชีวิตต่อได้เลย
ไม่เหมาะกับ:
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย
- ผู้ที่มีโลหะฝังในบริเวณใบหน้า (เช่น แผ่นเหล็กจากการผ่าตัดกระดูก)
- ผู้ที่มีผิวอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีแผลเปิดในบริเวณที่จะทำ
- ผู้ที่เพิ่งทำเลเซอร์หรือหัตถการรุนแรงในช่วงใกล้เคียงกัน (ควรเว้นระยะตามแพทย์แนะนำ)
ก่อนตัดสินใจทำโปรแกรม XERF ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง
เปรียบเทียบโปรแกรม XERF กับเครื่องยกกระชับอื่น ๆ (โปรแกรม Thermage FLX, โปรแกรม Oligio X)
ทั้งสามโปรแกรมใช้เทคโนโลยี Monopolar RF ที่ช่วยยกกระชับผิว แต่มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน:
| คุณสมบัติ | โปรแกรม XERF | โปรแกรม Thermage FLX | โปรแกรม Oligio X |
| เทคโนโลยี | คลื่นความถี่คู่ Dual-Frequency RF (6.78 + 2 MHz) | คลื่นความถี่เดี่ยว Single-Frequency RF (6.78 MHz) | คลื่นความถี่เดี่ยว Single-Frequency RF (6.78 MHz) + GXG Dual Mode |
| ระดับความลึก | ชั้นหนังแท้, ไขมัน และ เน้นชั้น SMAS | ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน | ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน |
| จุดเด่น | ใช้คลื่นวิทยุ 2 ความถี่พร้อมกัน ปรับความลึกได้ 3 ระดับ (Shallow/Mid/Deep) หัวทิปใหญ่ที่สุด | ให้ความร้อนปริมาตรสูง (Bulk Heating) เน้นปรับคุณภาพผิวและกระชับไขมัน มีงานวิจัยรองรับมาก | ความเย็นสบายสูงจาก ระบบทำความเย็น 11 pulses เน้นงานผิวและลดความเจ็บด้วย Cooling |
| เหมาะกับ | ผู้ที่ต้องการยกกระชับ แต่กลัวหน้าตอบ หรือมีปัญหาผิวหลายระดับในหน้าเดียว | ผู้ที่มี ไขมันสะสม แก้มยุ้ย และผิวหย่อนคล้อยร่วมด้วย | ผู้ที่ กลัวเจ็บ หรือผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อย เน้นยกกระชับและเก็บคุณภาพผิว |
| ความเจ็บ | เจ็บน้อย มีระบบทำความเย็น ไม่จำเป็นต้องทายาชา | อาจรู้สึกร้อนลึก บางคนต้องทายาชา | มีระบบทำความเย็นเจ็บน้อย เย็นสบาย ไม่ต้องทายาชา |
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
โปรแกรม XERF, โปรแกรม ThermageFLX และ โปรแกรม Oligio X เลือกอย่างไรดี?
- โปรแกรม XERF เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับและ “ออกแบบรูปหน้าได้ละเอียด“ จุดเด่นคือสามารถปรับความลึกเพื่อเก็บแก้มส้ม (Baby Fat) ไว้ไม่ให้หน้าดูตอบ หรือเลือกเน้นยกกระชับชั้นลึกเฉพาะจุดได้ตามปัญหาผิวจริง
- โปรแกรม Thermage FLX เหมาะกับผู้ที่มี “เนื้อแก้มเยอะหรือไขมันสะสม“ ต้องการเน้นความแน่นกระชับและปรับกรอบหน้าให้เล็กเรียว (V-Shape) ด้วยพลังงานความร้อนมวลใหญ่ที่ช่วยกระชับไขมันได้ดีเยี่ยม
- โปรแกรม Oligio X เหมาะกับผู้ที่ “กลัวเจ็บ“ หรือต้องการงานผิวใส เน้นความสบายสูงสุดขณะทำด้วยระบบความเย็น Intelligent Cooling และเทคโนโลยี GXG ที่ช่วยกระชับรูขุมขนและผิวชั้นตื้น
การเลือกโปรแกรมควรขึ้นอยู่กับปัญหาผิว เป้าหมายที่ต้องการ และความพร้อมของแต่ละคน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาโปรแกรมที่เหมาะสม
ผลลัพธ์และระยะเวลาการเห็นผลของโปรแกรม XERF
หลังทำโปรแกรม XERF ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นตามช่วงเวลาต่าง ๆ:
- ทันทีหลังทำ – จะรู้สึกว่าผิวกระชับขึ้นเล็กน้อยจากการหดตัวของคอลลาเจนเดิม
- 1-2 สัปดาห์ – ผิวเริ่มปรับตัว คอลลาเจนเริ่มหดตัวมากขึ้น
- 2-3 เดือน – ผลลัพธ์ชัดเจนมากเพราะคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นเต็มที่ ผิวดูกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้น
- ระยะยาว – ผลลัพธ์อาจอยู่ได้ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล
ข้อควรรู้เพิ่มเติม
ความรู้สึกขณะทำโปรแกรม XERF
โดยทั่วไปโปรแกรม XERF เจ็บน้อย ผู้รับบริการส่วนใหญ่รู้สึกดังนี้:
- รู้สึกอุ่น ๆ ลึก ๆ ภายในผิว สลับกับความเย็นจากระบบ ICD Cooling
- ระดับความเจ็บน้อย ทนได้ง่าย
- ไม่จำเป็นต้องทายาชา แต่สำหรับผู้ที่ต้องการความสบายสูงสุดอาจทายาชาได้
- ระยะเวลาการทำขึ้นอยู่กับจำนวนช็อตและบริเวณที่ทำ
การดูแลหลังทำโปรแกรม XERF
หลังทำโปรแกรม XERF ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่ต้องพักฟื้น แต่ควร:
- แต่งหน้าได้ทันที – ไม่มีรอยแผล แต่งหน้าได้ตามปกติ
- ทาครีมกันแดดทุกวัน – ปกป้องผิวจากแสง UV ที่อาจทำลายคอลลาเจน
- หลีกเลี่ยงความร้อนจัด – งดซาวน่า อบไอน้ำ หรือออกกำลังกายหนักใน 24 ชั่วโมงแรก
- ดื่มน้ำมาก ๆ – อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยกระบวนการสร้างคอลลาเจน
- บำรุงผิว – ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
อาจมีรอยแดงเล็กน้อยหลังทำ ซึ่งจะหายไปเองภายใน 2-6 ชั่วโมง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับโปรแกรม XERF
Q: โปรแกรม XERF คืออะไร?
A: โปรแกรม XERF เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) แบบสองความถี่ (6.78 MHz + 2 MHz) ส่งพลังงานลงถึงชั้น SMAS เพื่อยกกระชับแบบโครงสร้างโดยไม่ต้องผ่าตัด ผลิตโดย Cynosure Lutronic
Q: คลื่นวิทยุขั้วเดียวความถี่คู่ (Dual-Frequency Monopolar RF) ต่างจาก Monopolar RF ทั่วไปอย่างไร?
A: เทคโนโลยี RF ทั่วไปใช้ความถี่เดียว (6.78 MHz) ส่งพลังงานลงชั้นตื้นถึงกลาง แต่โปรแกรม XERF ใช้ 2 ความถี่พร้อมกัน โดยความถี่ 2 MHz ลงลึกกว่า ถึงชั้น SMAS และชั้นไขมันใต้ผิว ช่วยยกกระชับแบบโครงสร้าง
Q: ชั้น SMAS สำคัญอย่างไร?
A: SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) คือชั้นพังผืดที่รองรับโครงสร้างใบหน้า เป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า เมื่ออายุมากขึ้น ชั้นนี้หย่อนคล้อยทำให้แก้มตกและกรอบหน้าไม่ชัด การส่งพลังงานถึงชั้นนี้จึงช่วยยกกระชับจากภายใน
Q: โปรแกรม XERF เจ็บไหม?
A: โปรแกรม XERF มีระบบ ICD Cooling ช่วยลดความรู้สึกไม่สบาย ผู้รับบริการส่วนใหญ่รู้สึกเจ็บน้อย ทนได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องทายาชา (แต่ทายาชาได้หากต้องการความสบายสูงสุด)
Q: ผลลัพธ์ของโปรแกรม XERF จะเห็นเมื่อไหร่?
A: ผลลัพธ์เริ่มเห็นทันทีหลังทำเล็กน้อยจากการหดตัวของคอลลาเจนเดิม และจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยชัดเจนมากในช่วง 2-3 เดือนเมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นเต็มที่
Q: ผลลัพธ์ของโปรแกรม XERF อยู่ได้นานแค่ไหน?
A: ผลลัพธ์อาจอยู่ได้ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ การดูแลตัวเอง และปัจจัยแวดล้อมของแต่ละบุคคล การบำรุงผิวและปกป้องผิวจากแสง UV จะช่วยให้ผลลัพธ์ยั่งยืนขึ้น
Q: ใครไม่ควรทำโปรแกรม XERF?
A: ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย ผู้ที่มีโลหะฝังในบริเวณใบหน้า หรือผู้ที่มีผิวอักเสบในบริเวณที่จะทำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
Q: โปรแกรม XERF ต่างจากโปรแกรม ThermageFLX และโปรแกรม Oligio X อย่างไร?
A: โปรแกรม XERF โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีคลื่นความถี่คู่ (2 ความถี่พร้อมกัน) ที่ลงลึกถึงชั้น SMAS และมีระบบ Impedance Feedback ปรับแต่งตามสภาพผิวแต่ละคน ขณะที่ Thermage เน้นปรับคุณภาพผิว และ Oligio X เน้นความสบายด้วยระบบเย็น 11 pulses แต่ละโปรแกรมมีจุดเด่นต่างกัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกที่เหมาะสม
สรุป โปรแกรม XERF คือ อะไร? ต่างจาก RF ตัวอื่นยังไง?

โปรแกรม XERF คือเทคโนโลยียกกระชับคลื่นความถี่คู่ Dual-Frequency (6.78 + 2 MHz) ที่โดดเด่นเรื่องการ “ออกแบบรูปหน้า (Customization)” ด้วย 5 เทคโนโลยีหลักที่ทำงานร่วมกัน:
- แม่นยำและเลือกได้: ผสานคลื่น 6.78 MHz แบบดั้งเดิมร่วมกับ 2 MHz เพื่อยกกระชับลึกถึงชั้น SMAS ร่วมกับระบบปรับความลึก 3 ระดับ ช่วยให้แพทย์เลือก “เก็บแก้มส้ม (Baby Fat)” ไว้ไม่ให้หน้าตอบ หรือเน้น “ลดไขมันเฉพาะจุด” ได้ตามต้องการ
- สบายผิว ไม่ต้องพักฟื้น: ใช้เทคโนโลยี Wave Fit Pulse ซอยพลังงานให้ละเอียด ผสานความเย็น ICD Cooling ทำให้ส่งความร้อนลงลึกได้โดยผู้ทำรู้สึกสบายและเจ็บน้อย
- ลดโอกาสเบิร์น: มีเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิผิวแบบ Real-Time และหัวทิปที่กระจายความร้อนได้ทั่วถึง
โปรแกรม XERF จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับโครงสร้างหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด และต้องการความละเอียดในการรักษาเพื่อเลี่ยงปัญหาหน้าตอบ ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นในช่วง 1-3 เดือนและอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
หมายเหตุ: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการโฆษณาเครื่องมือแพทย์หรือเชิญชวนให้ใช้บริการใด ๆ การตัดสินใจทำหัตถการทางการแพทย์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
รายการอ้างอิง
Hwang, J. K. (2025). Evaluation of the clinical safety and efficacy of a noninvasive dual-frequency monopolar radiofrequency device in the treatment of facial photoaging sequelae in Republic of Korea: A clinical study. Medical Lasers, 14(1), 23–30. https://doi.org/10.25289/ML.24.035
Hong, J., Ryu, H. G., Park, C., Park, J., Kim, K., Lee, K. M. M., & Chun, S. I. (2024). Efficacy of dual-frequency noninvasive monopolar radiofrequency in skin tightening: Histological evidence. Skin research and technology, 30(6), e13821. https://doi.org/10.1111/srt.13821
Park, C., Hong, J., Ryu, H. G., Kim, S., Park, J., Kim, K., Won, J., Lee, J., & Chun, S. I. (2024). Monopolar radiofrequency for dermal temperature regulation and remodeling: A porcine model study. Journal of cosmetic dermatology, 23(12), 3955–3960. https://doi.org/10.1111/jocd.16495
Wanitphakdeedecha, R., Yogya, Y., Yan, C., Phumariyapong, P., Nanchaipruek, Y., Thongjaroensirikul, P., Maneeprasopchoke, P., Techapichetvanich, T., Eimpunth, S., & Manuskiatti, W. (2022). Efficacy and Safety of Monopolar Radiofrequency for Treatment of Lower Facial Laxity in Asians. Dermatology and therapy, 12(11), 2563–2573. https://doi.org/10.1007/s13555-022-00817-8











