Open Daily : 10:00 - 20:00
Call center : 02-714-9555
Line ID : @SLChospital
SLC Online

โปรแกรม XERF คืออะไร? เจาะลึกยกกระชับแบบ custom

โปรแกรมเก่ายังไม่หายฮิต โปรแกรมใหม่ก็มาอีกแล้ว ในยุคที่ความงามไม่หยุดนิ่ง นวัตกรรมจะหยุดตามก็ไม่ได้ ล่าสุดมีเครื่องยกกระชับตัวใหม กับโปรแกรม XERF ซึ่งเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวใหม่ล่าสุดที่ผสานคลื่นคู่ Dual-Frequency (6.78 + 2 MHz) ส่งพลังงานลึกถึงชั้น SMAS อย่างจำเพาะเจาะจง ช่วยดูแลปัญหาแก้มตกและกรอบหน้าไม่ชัดให้กลับมากระชับ โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น 

จุดเด่นที่ทำให้ โปรแกรม XERF แตกต่างคือการ “ออกแบบรูปหน้า” ได้อย่างละเอียด ด้วยโหมดปรับความลึก 3 ระดับที่ช่วยให้แพทย์เลือกยกกระชับชั้นลึก หรือเลือกเก็บแก้มส้ม (Baby Fat) ไว้ไม่ให้หน้าตอบ จึงตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติและแก้ปัญหาได้ตรงจุดกว่าการใช้พลังงานความร้อนแบบกว้างเพียงอย่างเดียว 

นอกจากความแม่นยำ โปรแกรม XERF ยังมอบประสบการณ์ที่สบายผิวด้วยเทคโนโลยี Wave Fit Pulse และระบบทำความเย็น ICD Cooling ที่ช่วยให้เจ็บน้อย บทความนี้จะพาไปเจาะลึกกลไกการทำงานและเปรียบเทียบกับโปรแกรมอื่น ๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าคุณเหมาะกับ โปรแกรม XERF หรือไม่ 

โปรแกรม XERF คือ อะไร? 

โปรแกรม XERF เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุแบบขั้วเดียว (Monopolar Radiofrequency) แบบสองความถี่ (Dual-Frequency) ทำให้สามารถปรับโหมดความตื้น-ลึกของการปล่อยพลังงานได้ถึง 3 ระดับ

จุดเด่นหลักของโปรแกรม XERF: 

  • ส่งพลังงาน 2 ความถี่พร้อมกัน – ใช้ความถี่ 6.78 MHz และ 2 MHz ร่วมกัน ช่วยกระตุ้นผิวหลายระดับชั้นในครั้งเดียว 
  • ลงลึกถึงชั้น SMAS – SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) คือชั้นพังผืดที่รองรับโครงสร้างใบหน้า เป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า การส่งพลังงานถึงชั้นนี้จึงช่วยยกกระชับจากภายใน ไม่ใช่แค่กระชับผิวชั้นนอกเท่านั้น 
  • ปรับแต่งได้ตามสภาพผิว – มีระบบวิเคราะห์สภาพผิวอัตโนมัติที่ช่วยปรับพลังงานให้เหมาะสมกับแต่ละคน 
  • ความสบายขณะทำ – มีระบบทำความเย็นที่ช่วยลดความรู้สึกไม่สบาย 

โปรแกรม XERF จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวอย่างครอบคลุม โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นนาน 

ความแตกต่างของโปรแกรม XERF: “ออกแบบรูปหน้า” ได้ละเอียด หมดกังวลเรื่องหน้าตอบ

ภาพจำลองอาการหน้าตอบ (Shuken Cheek/Hollow Cheek) ซึ่งการทำโปรแกรม Monopolar RF เพื่อยกกระชับที่ไม่สามารถปรับความลึก-ตื้นของพลังงาน อาจเกิดการสลายไขมันบริเวณที่ต้องการเก็บไว้ เช่น บริเวณแก้มส้ม (ฺBaby Fat) ซึ่งอาจทำให้หน้าดูตอบ แก่กว่าวัย

แม้เครื่อง RF ทั่วไปจะโดดเด่นเรื่องการส่งความร้อนมวลใหญ่เพื่อกระชับผิวและลดไขมัน แต่ โปรแกรม XERF ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ Pain Point ของโปรแกรมยกกระชับ Monopolar RF ด้วยจุดเด่นเรื่อง Customization ที่เหนือกว่า:

  • เลือกความลึกได้ดั่งใจ (3 Depth Levels): ในขณะที่ RF ทั่วไปเน้นการส่งความร้อนกระจายทั่วชั้นไขมัน (Volumetric Heating) โปรแกรม XERF เพิ่มทางเลือกด้วยโหมดปรับความลึก 3 ระดับ (Shallow / Middle / Deep) ทำงานร่วมกับระบบวิเคราะห์ผิว (Impedance Feedback) ทำให้แพทย์สามารถ “เลือกชั้นผิว” ที่ต้องการรักษาได้อย่างแม่นยำในแต่ละบริเวณของใบหน้า
  • ล็อกเก็บ “แก้มส้ม” (Baby Fat) ไม่ให้หน้าตอบ: จุดเด่นสำคัญโปรแกรม XERF สำหรับผู้ที่ไม่อยากให้หน้าดูเล็กหรือตอบเกินไป คือแพทย์สามารถเลือกใช้โหมดตื้น (Shallow/Middle) ในบริเวณหน้าแก้มเพื่อเน้นกระชับผิวและรูขุมขน โดยไม่ส่งความร้อนลงไปทำลายชั้นไขมัน (Baby Fat) ที่ทำให้หน้าแลดูอ่อนเยาว์ ช่วยเก็บวอลลุ่มหน้าไว้ได้ ต่างจากการใช้พลังงานเดียวที่จะลดไขมันทุกส่วน
  • ลดไขมันเฉพาะจุดที่ต้องการ: ในทางกลับกัน สำหรับบริเวณที่มีปัญหาไขมันสะสม เช่น เหนียงหรือกรอบหน้า แพทย์สามารถสลับใช้โหมดลึก (Deep) เพื่อส่งคลื่น 2 MHz ลงไปจัดการชั้นไขมันและยกชั้น SMAS ได้อย่างเต็มที่ การรักษาจึงเป็นการ “ออกแบบรูปหน้า” ให้สวยกระชับแบบมีมิติ ไม่ใช่แค่ทำให้หน้าเล็กเพียงอย่างเดียว

หลักการทำงานของโปรแกรม XERF: สองคลื่นความถี่ช่วยอะไรบ้าง 

คลื่นความถี่คู่ส่งพลังงาน 2 ความถี่พร้อมกัน 

โปรแกรม XERF ใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่คู่ที่ผสมผสาน 2 ความถี่เข้าด้วยกัน แต่ละความถี่ทำงานในชั้นผิวที่ต่างกัน: 

  • ความถี่ 6.78 MHz ส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวตื้นถึงกลาง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว ลดริ้วรอยตื้น กระชับรูขุมขน และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น เหมาะสำหรับปรับผิวชั้นบนให้ดูสุขภาพดี 
  • ความถี่ 2 MHz ส่งพลังงานลงสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และที่สำคัญคือลงถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นพังผืดที่รองรับโครงสร้างใบหน้า ช่วยยกกระชับจากชั้นลึก 

ตามการศึกษาของ Park et al. (2024) ที่ตีพิมพ์ใน Journal of Cosmetic Dermatology โปรแกรม XERF ส่งพลังงานลงถึงชั้น SMAS โดยวัดอุณหภูมิในชั้นผิวลึกพบว่าสูงถึง 50-70°C ซึ่งเพียงพอต่อการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับโครงสร้าง (ขณะที่ผิวหน้าไม่เกิน 42-45°C จึงไม่เกิดความเสียหาย)  

นอกจากนี้ ในบทความวิชาการ Skin Research and Technology (2024) ยังพบว่าเส้นใยคอลลาเจนหนาขึ้นและชั้น SMAS มีการยกตัวขึ้นอย่างชัดเจนหลังการทำโปรแกรม XERF 

โหมดการทำงาน 3 ระดับความลึก ในโปรแกรม XERF

โปรแกรม XERF ปรับระดับความลึกได้ 3 โหมด เพื่อให้เหมาะสมกับปัญหาผิวและบริเวณที่ต่างกัน: 

  • Shallow Mode (โหมดตื้นส่งพลังงานลงชั้นผิวตื้น เหมาะสำหรับบริเวณหน้าผาก ซึ่งเป็นบริเวณที่ผิวบางและอ่อนไหวกว่าส่วนอื่น ช่วยลดริ้วรอยตื้น ๆ และปรับคุณภาพผิวโดยไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองมากเกินไป 
  • Middle Mode (โหมดกลางส่งพลังงานลงชั้นผิวกลาง เหมาะสำหรับบริเวณแก้ม ใบหน้าส่วนกลาง และลำคอ ช่วยกระชับผิวและปรับโครงสร้างผิวให้ดูกระชับขึ้น  
  • Deep Mode (โหมดลึกส่งพลังงานลงชั้นผิวลึกและชั้น SMAS เหมาะสำหรับบริเวณใต้คาง เหนียง และกรอบหน้า ที่มักมีปัญหาผิวหย่อนหรือไขมันสะสม  

จุดเด่น 5 เทคโนโลยีหลักของโปรแกรม XERF  

1. คลื่นความถี่คู่ (6.78 + 2 MHz): ลงลึกถึงชั้น SMAS 

จุดเด่นหลักของ โปรแกรม XERF คือนวัตกรรม Monopolar RF ที่ใช้ 2 คลื่นความถี่ทำงานร่วมกัน ซึ่งแตกต่างจาก RF ทั่วไปตรงที่สามารถ “เลือกชั้นผิวที่ต้องการเน้นได้”  : 

  • ความถี่ 6.78 MHz: ส่งพลังงานลงชั้นผิวตื้นถึงกลาง เพื่อปรับคุณภาพผิวให้เรียบเนียน 
  • ความถี่ 2 MHz: ส่งพลังงานลงลึกถึง ชั้น SMAS เพื่อยกกระชับโครงสร้างจากภายใน 

ด้วยความถี่พิเศษ 2 MHz นี้เอง ทำให้ โปรแกรม XERF เป็น Monopolar RF ที่สามารถส่งพลังงานลงลึกได้ถึงชั้น SMAS จริง จึงช่วยเรื่องการยกกระชับโครงสร้างหน้าได้ดีเยี่ยมในลักษณะเดียวกับเทคโนโลยี Focused Ultrasound (เช่น โปรแกรม Ultherapy)  

2. Impedance Feedback: ปรับแต่งตามสภาพผิวแต่ละคน 

Impedance Feedback คือระบบที่วิเคราะห์ค่าความต้านทานไฟฟ้าของเนื้อเยื่อผิว ซึ่งได้รับอิทธิพลจากความหนา โครงสร้าง และความชุ่มชื้นของผิว จากนั้นระบบจะแนะนำระดับความลึกที่เหมาะสม (Shallow / Middle / Deep) และแพทย์สามารถปรับพลังงานได้ถึง 10 ระดับอย่างแม่นยำ ช่วยให้ผลลัพธ์สม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นผิวหนา ผิวบาง อายุน้อย หรืออายุมาก แก้ปัญหาของเทคโนโลยี RF แบบเดิมที่ส่งพลังงานเท่ากันทุกคนโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่าง 

3. Wave Fit Pulse Technology: ลดความเจ็บ เพิ่มประสิทธิภาพ 

เทคโนโลยี Wave Fit Pulse ควบคุมการส่งพลังงานอย่างสม่ำเสมอ โดยแบ่งพลังงานออกเป็นชุดเล็ก ๆ หลายชุดแทนที่จะปล่อยแรงสูงครั้งเดียว ทำให้ความร้อนค่อย ๆ สะสมอย่างทั่วถึงและไม่กระจุกตัว ด้วยการปรับพลังงานได้ถึง 10 ระดับ แพทย์สามารถควบคุมความเข้มให้เหมาะสมกับผิวแต่ละคน ทำให้รู้สึกสบายตลอดการทำทรีตเมนต์  ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา และยังคงได้ผลลัพธ์ที่ดี 

4. ICD Cooling Pulse: ปกป้องผิวชั้นบน 

ระบบทำความเย็นแบบ Integrated Cryogen Delivery (ICD) ช่วยปกป้องผิวชั้นบนด้วยการปล่อยความเย็นขณะให้พลังงาน ทำให้ส่งพลังงานลงชั้นลึกได้เต็มที่โดยไม่ทำร้ายผิวด้านนอก 
ระบบนี้เพิ่มเย็นความสบายในการรักษา โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพของพลังงาน RF  

5. Spider Pattern Effector + Real-Time Temperature Monitoring 

หัวทิปของโปรแกรม XERF มีขนาดใหญ่ 2×3 ซม. (6 ตร.ซม.) ซึ่งถือว่าเป็นหัวทิปที่ใหญ่ที่สุดในท้องตลาด ณ ปัจจุบัน และถูกออกแบบพิเศษเป็นลายใยแมงมุม (Spider Pattern) เพื่อกระจายพลังงานทั่วพื้นผิวอย่างสม่ำเสมอและรวดเร็ว ลดปัญหาความร้อนสะสมกระจุกเพียงตรงกลาง  
นอกจากนี้หัวทิปของโปรแกรม XERF ยังมีระบบตรวจจับอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ที่พร้อมหยุดทำงานอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิสูงถึง 43°C เพื่อป้องกันความเสี่ยงการไหม้ และออกแบบให้เหมาะกับโค้งใบหน้า ปรับใช้กับทุกบริเวณได้อย่างลงตัว 

โปรแกรม XERF ช่วยอะไรบ้าง 

ด้วยเทคโนโลยีคลื่นความถี่คู่ที่ลงลึกถึงชั้น SMAS โปรแกรม XERF จึงช่วยปรับปรุงผิวได้หลายด้าน: 

  • ยกกระชับผิวแบบโครงสร้าง – ลงถึงชั้น SMAS ช่วยยกกระชับจากภายใน กรอบหน้าชัดขึ้น แก้มที่ตกก็ดูยกขึ้น 
  • ปรับกรอบหน้าให้คมชัด – ลดแก้มย้อย ร่องแก้มดูตื้นลง ใบหน้าดูได้รูปและเรียวขึ้น 
  • ลดเหนียงใต้คาง – พลังงานที่ลงถึงชั้นไขมันช่วยกระชับเหนียงให้ดูเล็กลง คืนความเรียวให้แนวคาง 
  • ลดริ้วรอยเล็กๆ เก็บคูณภาพผิว – การกระตุ้นคอลลาเจนช่วยให้ริ้วรอยตื้นลงและผิวดูเรียบเนียนขึ้น 
  • กระตุ้นคอลลาเจนระยะยาว – ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 1-2 เดือนหลังทำ 
  • ปรับคุณภาพผิวโดยรวม – ผิวดูอิ่มฟูขึ้น รูขุมขนดูกระชับขึ้น ผิวมีความยืดหยุ่นดีขึ้น 

โปรแกรม XERF เหมาะกับใครบ้าง? 

โปรแกรม XERF เหมาะกับคนกลุ่มนี้: 

เหมาะกับ: 

  • ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับเบาถึงปานกลาง 
  • ผู้ที่มีแก้มตก กรอบหน้าไม่ชัด หรือมีเหนียงใต้คาง 
  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับแต่ “กลัวหน้าตอบ” หรือต้องการเก็บแก้มส้ม (Baby Fat) ไว้ (ด้วยการปรับโหมดความลึกที่ไม่ทำลายชั้นไขมันในจุดที่ต้องการ) 
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวผสมผสาน เช่น มีไขมันสะสมเฉพาะจุด (เช่น เหนียง) แต่อยากแค่กระชับผิวในส่วนอื่น 
  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับแบบโครงสร้างลึก (ลงถึงชั้น SMAS) โดยไม่ต้องผ่าตัด 
  • ผู้ที่กลัวเจ็บ หรือต้องการความสบายขณะทำ (ด้วยระบบ Wave Fit Pulse และความเย็น ICD Cooling) 
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้นมาก ต้องการทำเสร็จแล้วใช้ชีวิตต่อได้เลย 

ไม่เหมาะกับ: 

  • ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร 
  • ผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย 
  • ผู้ที่มีโลหะฝังในบริเวณใบหน้า (เช่น แผ่นเหล็กจากการผ่าตัดกระดูก) 
  • ผู้ที่มีผิวอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีแผลเปิดในบริเวณที่จะทำ 
  • ผู้ที่เพิ่งทำเลเซอร์หรือหัตถการรุนแรงในช่วงใกล้เคียงกัน (ควรเว้นระยะตามแพทย์แนะนำ)  

ก่อนตัดสินใจทำโปรแกรม XERF ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง 

เปรียบเทียบโปรแกรม XERF กับเครื่องยกกระชับอื่น ๆ (โปรแกรม Thermage FLX, โปรแกรม Oligio X) 

ทั้งสามโปรแกรมใช้เทคโนโลยี Monopolar RF ที่ช่วยยกกระชับผิว แต่มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน: 

คุณสมบัติ โปรแกรม XERF โปรแกรม Thermage FLX โปรแกรม Oligio X 
เทคโนโลยี คลื่นความถี่คู่ 
 
Dual-Frequency RF (6.78 + 2 MHz) 
คลื่นความถี่เดี่ยว 
 
Single-Frequency RF (6.78 MHz) 
คลื่นความถี่เดี่ยว 
Single-Frequency RF (6.78 MHz) + GXG Dual Mode 
ระดับความลึก ชั้นหนังแท้, ไขมัน และ เน้นชั้น SMAS ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน 
จุดเด่น ใช้คลื่นวิทยุ 2 ความถี่พร้อมกัน ปรับความลึกได้ 3 ระดับ (Shallow/Mid/Deep) 
 
หัวทิปใหญ่ที่สุด  
ให้ความร้อนปริมาตรสูง (Bulk Heating)  เน้นปรับคุณภาพผิวและกระชับไขมัน  
 
มีงานวิจัยรองรับมาก 
ความเย็นสบายสูงจาก ระบบทำความเย็น 11 pulses  เน้นงานผิวและลดความเจ็บด้วย Cooling 
เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการยกกระชับ แต่กลัวหน้าตอบ หรือมีปัญหาผิวหลายระดับในหน้าเดียว ผู้ที่มี ไขมันสะสม แก้มยุ้ย และผิวหย่อนคล้อยร่วมด้วย ผู้ที่ กลัวเจ็บ หรือผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อย เน้นยกกระชับและเก็บคุณภาพผิว 
ความเจ็บ  เจ็บน้อย มีระบบทำความเย็น ไม่จำเป็นต้องทายาชา อาจรู้สึกร้อนลึก บางคนต้องทายาชา  มีระบบทำความเย็นเจ็บน้อย เย็นสบาย ไม่ต้องทายาชา 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล 

โปรแกรม XERF, โปรแกรม ThermageFLX และ โปรแกรม Oligio X เลือกอย่างไรดี? 

  • โปรแกรม XERF เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับและ ออกแบบรูปหน้าได้ละเอียด จุดเด่นคือสามารถปรับความลึกเพื่อเก็บแก้มส้ม (Baby Fat) ไว้ไม่ให้หน้าดูตอบ หรือเลือกเน้นยกกระชับชั้นลึกเฉพาะจุดได้ตามปัญหาผิวจริง 
  • โปรแกรม Thermage FLX เหมาะกับผู้ที่มี เนื้อแก้มเยอะหรือไขมันสะสม ต้องการเน้นความแน่นกระชับและปรับกรอบหน้าให้เล็กเรียว (V-Shape) ด้วยพลังงานความร้อนมวลใหญ่ที่ช่วยกระชับไขมันได้ดีเยี่ยม 
  • โปรแกรม Oligio X เหมาะกับผู้ที่ กลัวเจ็บ หรือต้องการงานผิวใส เน้นความสบายสูงสุดขณะทำด้วยระบบความเย็น Intelligent Cooling และเทคโนโลยี GXG ที่ช่วยกระชับรูขุมขนและผิวชั้นตื้น 

การเลือกโปรแกรมควรขึ้นอยู่กับปัญหาผิว เป้าหมายที่ต้องการ และความพร้อมของแต่ละคน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาโปรแกรมที่เหมาะสม 

ผลลัพธ์และระยะเวลาการเห็นผลของโปรแกรม XERF

หลังทำโปรแกรม XERF ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นตามช่วงเวลาต่าง ๆ: 

  • ทันทีหลังทำ – จะรู้สึกว่าผิวกระชับขึ้นเล็กน้อยจากการหดตัวของคอลลาเจนเดิม 
  • 1-2 สัปดาห์ – ผิวเริ่มปรับตัว คอลลาเจนเริ่มหดตัวมากขึ้น 
  • 2-3 เดือน – ผลลัพธ์ชัดเจนมากเพราะคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นเต็มที่ ผิวดูกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้น 
  • ระยะยาว – ผลลัพธ์อาจอยู่ได้ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล 

ข้อควรรู้เพิ่มเติม 

ความรู้สึกขณะทำโปรแกรม XERF

โดยทั่วไปโปรแกรม XERF เจ็บน้อย ผู้รับบริการส่วนใหญ่รู้สึกดังนี้: 

  • รู้สึกอุ่น ๆ ลึก ๆ ภายในผิว สลับกับความเย็นจากระบบ ICD Cooling 
  • ระดับความเจ็บน้อย ทนได้ง่าย 
  • ไม่จำเป็นต้องทายาชา แต่สำหรับผู้ที่ต้องการความสบายสูงสุดอาจทายาชาได้ 
  • ระยะเวลาการทำขึ้นอยู่กับจำนวนช็อตและบริเวณที่ทำ 

การดูแลหลังทำโปรแกรม XERF

หลังทำโปรแกรม XERF ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่ต้องพักฟื้น แต่ควร: 

  • แต่งหน้าได้ทันที – ไม่มีรอยแผล แต่งหน้าได้ตามปกติ 
  • ทาครีมกันแดดทุกวัน – ปกป้องผิวจากแสง UV ที่อาจทำลายคอลลาเจน 
  • หลีกเลี่ยงความร้อนจัด – งดซาวน่า อบไอน้ำ หรือออกกำลังกายหนักใน 24 ชั่วโมงแรก 
  • ดื่มน้ำมาก ๆ – อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยกระบวนการสร้างคอลลาเจน 
  • บำรุงผิว – ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว 

อาจมีรอยแดงเล็กน้อยหลังทำ ซึ่งจะหายไปเองภายใน 2-6 ชั่วโมง 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับโปรแกรม XERF 

Q: โปรแกรม XERF คืออะไร? 

A: โปรแกรม XERF เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) แบบสองความถี่ (6.78 MHz + 2 MHz) ส่งพลังงานลงถึงชั้น SMAS เพื่อยกกระชับแบบโครงสร้างโดยไม่ต้องผ่าตัด ผลิตโดย Cynosure Lutronic 

Q: คลื่นวิทยุขั้วเดียวความถี่คู่ (Dual-Frequency Monopolar RF) ต่างจาก Monopolar RF ทั่วไปอย่างไร? 

A: เทคโนโลยี RF ทั่วไปใช้ความถี่เดียว (6.78 MHz) ส่งพลังงานลงชั้นตื้นถึงกลาง แต่โปรแกรม XERF ใช้ 2 ความถี่พร้อมกัน โดยความถี่ 2 MHz ลงลึกกว่า ถึงชั้น SMAS และชั้นไขมันใต้ผิว ช่วยยกกระชับแบบโครงสร้าง 

Q: ชั้น SMAS สำคัญอย่างไร? 

A: SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) คือชั้นพังผืดที่รองรับโครงสร้างใบหน้า เป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า เมื่ออายุมากขึ้น ชั้นนี้หย่อนคล้อยทำให้แก้มตกและกรอบหน้าไม่ชัด การส่งพลังงานถึงชั้นนี้จึงช่วยยกกระชับจากภายใน 

Q: โปรแกรม XERF เจ็บไหม? 

A: โปรแกรม XERF มีระบบ ICD Cooling ช่วยลดความรู้สึกไม่สบาย ผู้รับบริการส่วนใหญ่รู้สึกเจ็บน้อย ทนได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องทายาชา (แต่ทายาชาได้หากต้องการความสบายสูงสุด) 

Q: ผลลัพธ์ของโปรแกรม XERF จะเห็นเมื่อไหร่? 

A: ผลลัพธ์เริ่มเห็นทันทีหลังทำเล็กน้อยจากการหดตัวของคอลลาเจนเดิม และจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยชัดเจนมากในช่วง 2-3 เดือนเมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นเต็มที่ 

Q: ผลลัพธ์ของโปรแกรม XERF อยู่ได้นานแค่ไหน? 

A: ผลลัพธ์อาจอยู่ได้ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ การดูแลตัวเอง และปัจจัยแวดล้อมของแต่ละบุคคล การบำรุงผิวและปกป้องผิวจากแสง UV จะช่วยให้ผลลัพธ์ยั่งยืนขึ้น 

Q: ใครไม่ควรทำโปรแกรม XERF? 

A: ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย ผู้ที่มีโลหะฝังในบริเวณใบหน้า หรือผู้ที่มีผิวอักเสบในบริเวณที่จะทำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง 

Q: โปรแกรม XERF ต่างจากโปรแกรม ThermageFLX และโปรแกรม Oligio X อย่างไร? 

A: โปรแกรม XERF โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีคลื่นความถี่คู่ (2 ความถี่พร้อมกัน) ที่ลงลึกถึงชั้น SMAS และมีระบบ Impedance Feedback ปรับแต่งตามสภาพผิวแต่ละคน ขณะที่ Thermage เน้นปรับคุณภาพผิว และ Oligio X เน้นความสบายด้วยระบบเย็น 11 pulses แต่ละโปรแกรมมีจุดเด่นต่างกัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกที่เหมาะสม 

สรุป โปรแกรม XERF คือ อะไร? ต่างจาก RF ตัวอื่นยังไง?  

โปรแกรม XERF คือเทคโนโลยียกกระชับคลื่นความถี่คู่ Dual-Frequency (6.78 + 2 MHz) ที่โดดเด่นเรื่องการ “ออกแบบรูปหน้า (Customization)” ด้วย 5 เทคโนโลยีหลักที่ทำงานร่วมกัน: 

  • แม่นยำและเลือกได้: ผสานคลื่น 6.78 MHz แบบดั้งเดิมร่วมกับ 2 MHz เพื่อยกกระชับลึกถึงชั้น SMAS ร่วมกับระบบปรับความลึก 3 ระดับ ช่วยให้แพทย์เลือก “เก็บแก้มส้ม (Baby Fat)” ไว้ไม่ให้หน้าตอบ หรือเน้น “ลดไขมันเฉพาะจุด” ได้ตามต้องการ 
  • สบายผิว ไม่ต้องพักฟื้น: ใช้เทคโนโลยี Wave Fit Pulse ซอยพลังงานให้ละเอียด ผสานความเย็น ICD Cooling ทำให้ส่งความร้อนลงลึกได้โดยผู้ทำรู้สึกสบายและเจ็บน้อย 
  • ลดโอกาสเบิร์น: มีเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิผิวแบบ Real-Time และหัวทิปที่กระจายความร้อนได้ทั่วถึง 

โปรแกรม XERF จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับโครงสร้างหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด และต้องการความละเอียดในการรักษาเพื่อเลี่ยงปัญหาหน้าตอบ ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นในช่วง 1-3 เดือนและอยู่ได้นาน 6-12 เดือน 

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล 

หมายเหตุ: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการโฆษณาเครื่องมือแพทย์หรือเชิญชวนให้ใช้บริการใด ๆ การตัดสินใจทำหัตถการทางการแพทย์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ 

รายการอ้างอิง 

Hwang, J. K. (2025). Evaluation of the clinical safety and efficacy of a noninvasive dual-frequency monopolar radiofrequency device in the treatment of facial photoaging sequelae in Republic of Korea: A clinical study. Medical Lasers, 14(1), 23–30. https://doi.org/10.25289/ML.24.035  

Hong, J., Ryu, H. G., Park, C., Park, J., Kim, K., Lee, K. M. M., & Chun, S. I. (2024). Efficacy of dual-frequency noninvasive monopolar radiofrequency in skin tightening: Histological evidence. Skin research and technology, 30(6), e13821. https://doi.org/10.1111/srt.13821  
 
Park, C., Hong, J., Ryu, H. G., Kim, S., Park, J., Kim, K., Won, J., Lee, J., & Chun, S. I. (2024). Monopolar radiofrequency for dermal temperature regulation and remodeling: A porcine model study. Journal of cosmetic dermatology, 23(12), 3955–3960. https://doi.org/10.1111/jocd.16495 

Wanitphakdeedecha, R., Yogya, Y., Yan, C., Phumariyapong, P., Nanchaipruek, Y., Thongjaroensirikul, P., Maneeprasopchoke, P., Techapichetvanich, T., Eimpunth, S., & Manuskiatti, W. (2022). Efficacy and Safety of Monopolar Radiofrequency for Treatment of Lower Facial Laxity in Asians. Dermatology and therapy, 12(11), 2563–2573. https://doi.org/10.1007/s13555-022-00817-8  

บทความที่เกี่ยวข้อง