HomeHome PromotionPromotion VouchersVouchers ServicesServices LINE Official AccountLINE Official

SEARCH

Recommend Keywords : Product Code , Product Name

Articles
เซลลูไลท์ใช่ไขมันหรือเปล่า?
04 ก.ย. 2560 15:59 น. | เปิดอ่าน 11,333

เชื่อว่าจะต้องมีสาวๆ ที่กังวลเรื่องเซลลูไลท์ตามต้นขา สะโพก หน้าท้อง ที่มีลักษณะตะปุ่มตะป่ำ คล้ายผิวเปลือกส้ม  และอีกเรื่องที่สำคัญคือ เซลลูไลท์ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเยอะเสมอไป สามารถพบกับคนที่มีอายุน้อยได้เหมือนกัน  


เซลลูไลท์ (Cellulite) คือ ไขมันที่มีลักษณะตะปุ่มตะป่ำ เป็นผลมาจากที่ผิวหนังชั้นบนมีการสะสมไขมันมากกว่าปกติ เมื่อมองจากภายนอกจะเห็นว่ามีลักษณะขรุขระคล้ายผิวเปลือกส้ม เป็นก้อนนูน ไม่เรียบเนียน ชัดมากหรือไม่ชัดมาก ขึ้นอยู่กับว่ามีเซลลูไลท์มากน้อยเพียงใด และส่วนใหญ่จะพบได้บ่อยในผู้หญิง ยกเว้นผู้ชายบางคนที่อ้วนมาก ผู้ชายจะพบเป็นกล้ามเนื้อมากกว่า โดยตำแหน่งที่พบได้บ่อย  ได้แก่ สะโพก ต้นขา และหน้าท้อง
 
เซลลูไลท์ต่างกับไขมันอย่างไร
เซลลูไลท์มีความแตกต่างจากไขมันอยู่ที่โครงสร้างเนื้อเยื่อ และระบบการเผาผลาญในร่างกายที่ผิดปกติ  ความไม่สมดุลของระบบฮอร์โมนจะกระตุ้นร่างกายให้สะสมไขมัน ระบบการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองจะเสียไป ส่งผลให้เกิดการสะสมของสารพิษและของเสีย ซึ่งส่งผลต่อคอลลาเจนและอีลาสตินในโครงสร้างของผิวหย่อนคล้อยเสียความยืดหยุ่น ไขมันจึงถูกดันออกสู่ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวเป็นลอนคล้ายลูกฟูกไม่เรียบดูคล้ายเปลือกส้ม



เซลลูไลท์ไม่ได้มีแค่ประเภทเดียว โดยที่เซลลูไลท์แยกได้ออกเป็น 5 ประเภทด้วยกัน
1. Soft cellulite เซลลูไลท์ชนิดนี้พบได้บ่อยในบริเวณบั้นท้าย หน้าท้อง สะโพก และต้นแขน โดยในบริเวณเหล่านี้จะมีลักษณะก้อนไขมันขนาดเล็ก เป็นผิวเปลือกส้มเป็นคลื่นขนาดเล็ก พบทั่วไปในผู้หญิงอายุ 20 ปีขึ้นไป ที่อ้วนขึ้น และไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย หรือจะเจอในคนที่มีกล้ามเนื้อน้อยกว่าไขมัน
2. Flaccid cellulite เซลลูไลท์ชนิดนี้จะพบได้มากในบริเวณท้องแขน คาง(เหนียง) รอบเอว และหน้าท้อง  โดยมีลักษณะเป็นก้อนไขมันนุ่มๆ มีความหย่อยคล้อย เวลาจับจะมีความอ่อนเหลว บีบจับได้ง่าย โดยส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป และไม่ชอบออกกำลังกาย
3. Hard cellulite เซลลูไลท์ชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งเล็กๆ หลายๆ ก้อน จะพบในบริเวณสะโพกและบั้นท้าย และโดยส่วนมากจะพบในผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 20-40 ปี แม้แต่คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ
4. Edematous cellulite เป็นเซลลูไลท์ที่เป็นไขมันส่วนเกินที่มีลักษณะบวมน้ำ กดแล้วบุ๋ม จะพบได้มากในบริเวณต้นขา สะโพก สาเหตุเกิดจากการไหลเวียนโลหิตไม่ดี มีการคั่งค้างของน้ำเหลือง ทำให้บริเวณนั้นๆ จะเห็นเส้นเลือดบวม โดยส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงวัย 20-30 ปี
5. Mixed cellulite เซลลูไลท์ชนิดนี้ถือว่าเป็นชุดพิเศษ เพราะรวมเซลลูไลท์ทุกชนิดเข้าไว้ในร่างกาย เซลลูไลท์นี้จะกระจายไปอยู่ในทุกๆ ส่วนของร่างกาย พบได้ในผู้หญิงวัย 30 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย และไม่คุมอาหาร



กำจัดเซลลูไลท์จอมวายร้ายอย่างไรดี?
การกำจัดเซลลูไลท์แบบง่ายๆ ที่เราสามารถเอาออกได้ด้วยตัวเอง แต่อาจจะใช้เวลาในการกำจัดเป็นระยะเวลานาน
1. ลดรับประทานอาหารจำพวกไขมัน และน้ำตาล เช่น ของหวาน และอาหารฟาสต์ฟู้ด
2. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว งดน้ำอัดลม หรือน้ำหวาน
3. ออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยเร่งการเผาผลาญ ช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น หรือจะเป็นการออกกำลังกายเฉพาะส่วน จะช่วยให้กระชับและสลายไขมันได้เร็วขึ้น
4. นวดเบาๆ ตามบริเวณที่มีเซลลูไลท์ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ส่งผลให้ไขมันเกิดได้ยากขึ้น
 

แต่การกำจัดเซลลูไลท์ด้วยตัวเองอาจจะใช้เวลาในการกำจัดเป็นระยะเวลาที่นาน หากสำหรับคนที่ต้องการกำจัดเซลลูไลท์แบบรวดเร็ว อาจจะต้องใช้ทางลัดด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถช่วยลดเซลลูไลท์ ลดสัดส่วน กระชับผิว สลายไขมันได้

 
1. Fat Killer by CoolSculpting การกำจัดไขมันสะสมเฉพาะส่วนด้วยการปล่อยพลังงานความเย็นด้วยอุณหภูมิ –7 องศา ควบคู่ไปกับแรงดึงดูดสูง พลังงานความเย็นจะเข้าไป Freeze เฉพาะเจาะจงเซลล์ไขมันเท่านั้น หลังจากนั้นเซลล์ไขมันที่เกาะกลุ่มกันอย่างหนาแน่น จะเกิดการอักเสบ และแตกตัวออกจากกันเป็นเซลล์เล็กๆ และสลายไป (Click! อ่านข้อมูลเพิ่มเติม)

2. Vaser Smooth เทคโนโลยีอัลตร้าซาวน์ที่ช่วยเรื่องการสลายไขมันส่วนเกินได้เฉพาะเจาะจง ตรงจุด และช่วยสลายพังผืดของเซลลูไลท์ พร้อมได้ผิวที่เรียบเนียนเสมอกัน (Click! อ่านข้อมูลเพิ่มเติม)

3. Vaser Lipo เป็นการสลายไขมันแบบนิ่มนวล โดยใช้เทคโนโลยี Ultrasound มาสลายไขมันโดยการส่งคลื่นเสียงความถี่ตรงเข้าสลายไขมัน ให้แตกตัวเป็นของเหลว แล้วดูดของเหลวหรือไขมันนั้นออก ซึ่งมีการเปิดแผลเล็กๆ เพียง 0.5 cm. (Click! อ่านข้อมูลเพิ่มเติม)

4. Vela Shape III เป็นการใช้เทคโนโลยีร่วมกันระหว่างการทำงานของแสงอินฟาเรด (IR) คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบ 2 ขั้ว (Bi-Polar RF) แรงดูดสุญญากาศ (Vacuum) และ ตัวนวดผิว (Tissue Manipulation) โดยมีหลักการสะสมความร้อนใต้ผิวหนังให้ได้อุณหภูมิถึงจุดที่เห็นผลที่ต้องรักษา มีผลการทำลายเซลล์ไขมัน (Click! อ่านข้อมูลเพิ่มเติม)

5. Vela Shape II เป็นการใช้เทคโนโลยีร่วมกัน ระหว่างการทำงานความร้อนของแสง Infrared (IR) และคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio frequency – RF) ร่วมกับลูกกลิ้ง (Roller) และระบบสุญญากาศ (Vacuum) โดยความร้อนจากแสง IR และ RF จะเพิ่มการเผาผลาญไขมันใต้ผิว ทำให้เซลล์ไขมันลดขนาดลง (Click! อ่านข้อมูลเพิ่มเติม)

6. RF (Radio Frequency) ส่งพลังงานคลื่นวิทยุด้วยความถี่ที่เหมาะสม และเพิ่มอุณหภูมิของผิวหนังในชั้นลึกพร้อมนวดผิวไปด้วย ความร้อนส่งไปยังผิวจะช่วยให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวกระชับมากขึ้น (Click! อ่านข้อมูลเพิ่มเติม)

เช็คได้ไม่ยากว่าตัวเองมีเซลลูไลท์หรือเปล่า โดยการบีบผิวหนังบริเวณต้นขาขึ้นมา ถ้าพบลักษณะเป็นก้อนไขมัน แบบตะปุ่มตะป่ำ ผิวขรุขระ คล้ายผิวเปลือกส้ม ให้คิดได้เลยว่าเป็น เซลลูไลท์ แน่นอน หากปล่อยทิ้งไว้นานจะมองเห็นชัดขึ้นถึงแม้จะไม่ได้บีบผิวหนังขึ้นมาดู

 
ขอขอบคุณ dst.or.th (สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย) , health.kapook.com
 

 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Call Center : +66 2 714 9555

Whatsapp : +66 96 116 0806

Facebook : SLCclinic

Skype : SLCclinic

LINE : @SLChospital

เพิ่มเพื่อน

Related Articles