จุดสีน้ำตาลบนหน้านี้ใช่ฝ้าหรือเปล่านะ?
ฝ้ามีกี่ประเภท ดูแลรักษายังไงได้บ้าง?
ฝ้า รอยปื้นเล็กๆ บนหน้า แต่เป็นปัญหาใหญ่ของเรื่องผิว
ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการทาครีม ซึ่งฝ้าเกิดขึ้นจากความผิดปกติของเม็ดสีเมลานิน โดยจะมีลักษณะเป็นวงสีน้ำตาลเล็กๆ เกิดขึ้นบริเวณโหนกแก้ม โดยฝ้าก็จะแยกออกเป็นหลายประเภท เรามาดูกันว่า ฝ้าที่เกิดขึ้นนั้นเป็นชนิดไหน ต้องดูแลรักษาอย่างไร?

รู้ได้อย่างไรว่า เกิดฝ้าแล้ว?

ฝ้าจะลักษณะเป็นจุดหรือรอยปื้นบนหน้า โดนจะมีน้ำตาลอ่อนจนไปถึงสีน้ำตาลเข้ม บางคนอาจจะมีลักษณะสีดำ สีเทา หรือสีแดง โดยจะมีขนาดของจุดใหญ่กว่า กระ ไม่กระจายตัว แต่จะเป็นวงกว้าง โดยมักพบบริเวณ โหนกแก้ม หน้าผาก คาง หรือลำตัว แขน ขา หน้าอก เป็นต้น
เช็กสภาพผิว ฝ้าที่เกิดเป็นแบบไหนกันนะ?

โดยทางการแพทย์แล้ว จะแบ่งฝ้าออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ

-
ฝ้าตื้น (Epidermal type) : โดยฝ้าตื้น จะเกิดขึ้นบนผิวหนังระดับชั้นกำพร้า หรือบริเวณผิวหนังชั้นนอก ลักษณะของฝ้าประเภทนี้จะมีสีน้ำตาลเข้ม หรือบางรายอาจออกเป็นลักษณะสีดำ ซึ่งจะเห็นขอบของฝ้าได้ชัดเจน
-
ฝ้าลึก (Dermal type) : จะเกิดขึ้นอยู่ชั้นใต้ผิวหนังแท้ ลงลึกกว่าชั้นหนังกำพร้า จะไม่เห็นขอบชัดเท่าฝ้าตื้น แต่จะเป็นลักษณะ สีนำตาลอ่อนๆ สีเทา กลืนไปกับผิวหนัง แต่เห็นเป็นสีจางๆ ขนาดใหญ่บนใบหน้า
-
ฝ้าผสม (Mix type) : จะมีลักษณะสีน้ำตาล ทั้งอ่อนและเข้ม หรืออาจจะเป็นสีเทา ซึ่งจะเป็นผสมกันของฝ้าตื้นและฝ้าลึก
นอกจากชนิดของฝ้า เรายังสามารถแบ่งชนิดของฝ้าออกได้เป็นอีก 2 ประเภท คือ ฝ้าแดด และฝ้าเลือด

-
ฝ้าแดด เกิดจากการที่ผิวโดนแสงยูวี แสงแดดเป็นเวลานาน ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีผิวมากเกิดไปจนเกิดเป็นฝ้า ซึ่งรังสี UBA และ UBV ส่งให้เกิดขึ้นได้ทั้งฝ้าและกระ นอกจากแสงแดด ยังมีแสงจากหลอดไฟ จอคอมพิวเตอร์ หน้าจอโทรศัพท์มือถือ ก็สามารถทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน
-
ฝ้าเลือด (Telangiectetic melisma) ฝ้าขนิดนี้ เรียกกันว่า ฝ้าฮอร์โมน ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยบนใบหน้า หรือเกิดขึ้นได้การจากใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว หรือยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ โดยลักษณะของฝ้าจะมีสีน้ำตาลแดง พบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ดูแลผิวให้ไกลฝ้า หน้าใส

-
ทาครีมกันแดดเป็นประจำสม่ำเสมอ แม้ไม่ได้ออกจากบ้าน ก็จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะแสงจากหน้าจอคอมพิมเตอร์ แสงไฟในบ้าน แสงจากมือถือ ล้วนก่อให้เกิดฝ้าได้
-
หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารไฮโดรคิวโน และสารสเตียรอยด์ เพราะจะส่งผลทำให้ผิวยิ่งบาง ไวต่อแสง และเกิดปัญหาผิวได้ง่าย
-
รักประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว ในบางรายที่มีปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน สามารถเลือกรับประทานอาหารหรือวิตามินเสริม เพื่อปรับสมดุลเติมวิตามินให้ผิว ถือเป็นการบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอกได้ดียิ่งขึ้น