2025 แก๊งยกกระชับรวมตัว!
เครื่องไหนใช่ ปัญหาแบบนี้เลือกอะไรดี?
สวัสดีจ้า! ใครกำลังมองหาเครื่องยกกระชับดี ๆ สักเครื่องต้องอ่านให้จบนะ เพราะเทรนด์หน้ายก ผิวเป๊ะ ยังคงแรงไม่มีตกในปีนี้! แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำขึ้นทุกวัน จะเลือกยังไง? ถ้าเคยงงกับคำถามพวกนี้ เช่น
- “ผิวแบบนี้ต้องใช้อะไร?”
- “ทำไมเครื่อง A กับ B ดูคล้ายกันแต่ราคาไม่เท่ากัน?”
- “แล้วเครื่องไหนจะเจ็บน้อยแต่เห็นผลไว?”
ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวมาสรุปครบทุกเครื่องในปี 2025 แบบเข้าใจง่าย ๆ พร้อมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ช่วยตัดสินใจง่ายขึ้น!
อัปเดตลิสต์เครื่องยกกระชับมาแรงปี 2025
ยุคนี้ใคร ๆ ก็อยากแลดูอ่อนเยาว์ แต่ไม่มีใครอยากพักฟื้นนาน แถมอยากได้ผลแบบไม่ต้องเสียเวลากับขั้นตอนเยอะ ๆ เน้นสะดวก เจ็บน้อย เห็นผลจริง ในปีนี้มีเทคโนโลยีอะไรน่าสนใจบ้าง มาดูกัน!
แก๊งอัลตราซาวด์ – ยกกระชับลึกถึงชั้นผิว
เครื่องยกกระชับด้วยพลังอัลตราซาวด์ยังครองบัลลังก์ เพราะเจาะลึกถึงชั้น SMAS ที่ช่วยให้หน้าดูยก ไม่หย่อน แต่ไม่ได้แค่ยกนะ ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในผิวอีกด้วย
รวมเครื่องเด็ดพลังงานอัลตราซาวด์ที่ควรลอง พร้อมข้อดี-ข้อเสีย
1.โปรแกรมยกกระชับ Ultherapy SPT

ข้อดี : โปรแกรม Ultherapy SPT ใช้จอ Ultrasound Real-time ที่ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวได้อย่างชัดเจน ทำให้การยกกระชับแม่นยำในทุกจุด โดยเฉพาะกรอบหน้าที่ต้องการความเรียวชัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการยกกระชับแบบเต็มที่ ผลลัพธ์แลดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี
ข้อควรพิจารณา : โปรแกรมนี้อาจมีความรู้สึกเจ็บในระดับหนึ่งระหว่างทำ แต่สามารถใช้ยาชาเพื่อเพิ่มความสบายได้ ใช้เวลาค่อนข้างนานหากต้องการดูแลหลายจุด และอาจมีค่าใช้จ่ายสูงในกรณีที่มีปัญหาผิวคล้อยอย่างมาก
2. โปรแกรมยกกระชับ Ultherapy Prime
ข้อดี : โปรแกรม Ultherapy Prime มาพร้อมจอ Ultrasound Real-time ความละเอียด FullHD ที่กว้างขึ้น ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ แม้ในระยะไกล เพิ่มความมั่นใจในผลลัพธ์ที่เป๊ะยิ่งกว่า เจ็บน้อยกว่าโปรแกรม Ultherapy รุ่นก่อน จึงเหมาะสำหรับคนที่กลัวความเจ็บหรือเริ่มต้นดูแลผิว โปรแกรมนี้ช่วยยกกระชับ ลดริ้วรอย และเพิ่มความคมชัดของกรอบหน้า ให้ผิวแลดูละมุนและแลดูอ่อนเยาว์ ใช้เวลาทำรวดเร็วยิ่งขึ้น

ข้อควรพิจารณา : แม้จะเจ็บน้อยลง แต่ในบางกรณีที่ชั้นผิวบอบบาง อาจต้องใช้ยาชาช่วยเพิ่มความสบายขณะทำ และด้วยการอัปเกรดเทคโนโลยีที่ล้ำขึ้น ราคาของโปรแกรมอาจสูงกว่าเดิม
3. โปรแกรมยกกระชับ 4D Lift

ข้อดี : โปรแกรม 4D Lift คือโปรแกรมยกกระชับที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ เพราะดูแลได้ครบทุกจุด ทั้งใบหน้า ลำคอ เหนียง และลำตัว ด้วยเทคโนโลยีที่เจ็บน้อย แต่ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหนัก เช่น เหนียงเยอะหรือคอหย่อนยาน เห็นผลลัพธ์รวดเร็วและแลดูเป็นธรรมชาติ
ข้อควรพิจารณา : สำหรับการดูแลหลายจุดในคราวเดียวกัน อาจใช้เวลาในการทำและมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แต่เป็นการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนและครอบคลุม
ทีมคลื่นวิทยุ – ช่วยยก พร้อมจัดการไขมัน
ใครอยากได้หน้าที่ทั้งเรียว ทั้งกระชับ ลองมองมาที่เทคโนโลยี Radio Frequency หรือ RF ที่ผสานงานยกกับการจัดการไขมันส่วนเกิน ทำงานลึกลงถึงผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน
รวมเครื่องเด็ดพลังงานคลื่นวิทยุที่ควรลอง พร้อมข้อดี-ข้อเสีย
1. โปรแกรมยกกระชับ Volnew

ข้อดี : โปรแกรม Volnew เป็นโปรแกรมที่ช่วยยกกระชับผิว พร้อมลดไขมันส่วนเกินในเวลาเดียวกัน ช่วยลดริ้วรอยและทำให้ผิวดูเรียบเนียน ผลลัพธ์ที่ได้แลดูเป็นธรรมชาติ และผิวกระชับขึ้นทันทีหลังทำ อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวโดยไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน และรู้สึกเจ็บน้อยมากระหว่างทำ
ข้อควรพิจารณา : โปรแกรมนี้เหมาะกับปัญหาผิวในระดับเบาถึงปานกลาง อาจไม่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการการยกกระชับลึกหรือปรับโครงหน้าในระดับใหญ่ นอกจากนี้ การรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน จำเป็นต้องทำซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์
2.โปรแกรม Morpheus 8

ข้อดี : โปรแกรม Morpheus 8 เป็นนวัตกรรมที่ผสานพลังงานคลื่นวิทยุ (RF) กับเข็มขนาดเล็ก ช่วยยกกระชับผิวและลดหลุมสิวในขั้นตอนเดียว พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน กระชับ และแข็งแรงขึ้น โปรแกรมนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือหลุมสิวลึก ให้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องโครงสร้างและพื้นผิวผิว
ข้อควรพิจารณา : ด้วยเทคนิคการใช้เข็มขนาดเล็กในการส่งพลังงาน อาจทำให้รู้สึกเจ็บในระดับหนึ่งระหว่างการรักษา นอกจากนี้ บางคนอาจมีรอยแดงหลังทำ ซึ่งจะหายไปในเวลาไม่นาน แต่ยังคงต้องการเวลาพักฟื้นเล็กน้อย
3.โปรแกรม Thermage FLX

ข้อดี : โปรแกรม Thermage FLX เป็นตัวช่วยเรื่องการยกกระชับผิวที่ขึ้นชื่อเรื่องความแม่นยำและผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผิวเรียบเนียนขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญที่ต้องการดูดีแบบเร่งด่วน นอกจากนี้ยังเป็นโปรแกรมที่ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ ทำให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ
ข้อควรพิจารณา : แม้โปรแกรม Thermage FLX จะให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันที แต่ระยะเวลาของผลลัพธ์อาจอยู่ได้ไม่นานเท่ากับโปรแกรมยกกระชับอื่น ๆ อีกทั้งไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวบาง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือผลกระทบต่อผิว
4.โปรแกรม EMface แปะหน้ายกกล้ามเนื้อ

ข้อดี : โปรแกรม EMface ช่วยยกกระชับทั้งกล้ามเนื้อและผิวหน้า พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้สดใส เต่งตึง และแลดูอ่อนเยาว์ ผลลัพธ์ที่ได้แลดูเป็นธรรมชาติและแทบไม่รู้สึกเจ็บระหว่างทำ จุดเด่นที่น่าสนใจคือการยกกระชับแบบสองชั้นที่ดูแลทั้งโครงสร้างกล้ามเนื้อและผิวหนัง อีกทั้งยังไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด และไม่มีรอยแผลให้กังวลใจ
ข้อควรพิจารณา : เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน การทำโปรแกรม EMface ต้องทำเป็นประจำ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวในระดับเบาถึงปานกลาง หากปัญหาผิวมีความลึกหรือซับซ้อน อาจต้องพิจารณาทางเลือกอื่นเพิ่มเติม นอกจากนี้ ราคาค่อนข้างสูง และบางคนอาจไม่เหมาะสมกับโปรแกรมนี้ จึงควรปรึกษาผู้ชำนาญการก่อนตัดสินใจเพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาตรงใจมากที่สุด
ถ้าเครื่องเยอะขนาดนี้ แล้วจะเลือกยังไงดี?
ถ้ายังลังเลว่า “แบบนี้เหมาะกับอะไร?” ต้องเริ่มจากตอบคำถามเหล่านี้ก่อน
- เป้าหมายคืออะไร? แค่ยกกระชับหรืออยากลดริ้วรอย/ไขมันด้วย
- ปัญหาหนักแค่ไหน? เช่น กรอบหน้าเริ่มหย่อน หรือปัญหาชัดมาก
- งบเท่าไหร่? เพราะเครื่องบางรุ่นอาจแรงกว่าแต่ราคาก็สูงกว่า
- ไลฟ์สไตล์สำคัญไหม? เช่น ต้องการงานที่เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น
รู้ปัญหาแล้วเลือกโปรแกรมยกกระชับที่ใช่ !
ทริคง่าย ๆ เครื่องไหนเหมาะกับใคร? วันนี้สรุปมาให้แล้วค่ะ
- อยากเห็นผลชัดเจนแบบจัดเต็ม: โปรแกรม Ultherapy SPT
- เริ่มดูแลผิว แต่กลัวเจ็บ: โปรแกรม Ultherapy Prime
- เหนียงมา คอหย่อน อยากดูแลทั้งหน้าและตัว: โปรแกรม 4D Lift
- อยากสลายไขมันและยกกระชับพร้อมกัน: โปรแกรม Volnew by SLC
- มีหลุมสิวและผิวหย่อนคล้อย: โปรแกรม Morpheus 8
- ลดขนาดแฟตเร่งด่วน อยากเห็นผลไว: โปรแกรม Thermage FLX ลีนผิวยกกระชับ
- ต้องการกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวหน้า: โปรแกรม EMface แปะหน้ายกกล้ามเนื้อ
ข้อสำคัญที่ควรรู้ก่อนทำโปรแกรมยกกระชับ
- ผู้ที่ตั้งครรภ์ ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทำโปรแกรมยกกกระชับในผู้ตั้งครรภ์ ดังนั้นควรเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกน้อย
- ผู้ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกาย สำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรือเครื่องกระตุ้นประสาท ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะกระบวนการบางประเภทอาจส่งผลต่อการทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรัง หากคุณมีโรคหัวใจ โรคลมชัก โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือความดันโลหิตสูงที่ไม่เสถียร ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนเริ่มโปรแกรมยกกระชับ
- ผู้ที่มีบาดแผลหรือการอักเสบบริเวณที่ต้องการทำ หากบริเวณผิวมีอาการอักเสบหรือบาดแผล ควรรอให้บริเวณนั้นฟื้นตัวสมบูรณ์ก่อน เพื่อลดความเสี่ยงของการระคายเคืองหรือผลข้างเคียงอื่น ๆ
- ผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์หรือร้อยไหม การทำโปรแกรมยกกระชับในบริเวณที่เคยฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์หรือโปรแกรมร้อยไหม ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ และปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการก่อน เพราะอาจมีผลต่อประสิทธิภาพหรือความคงทนของโปรแกรมฟิลเลอร์และไหม
สรุปแบบง่าย ๆ สำหรับสายยกกระชับปี 2025
ในปีนี้ ตัวเลือกมีเยอะจนเลือกไม่ถูก แต่ถ้าเข้าใจปัญหาและเป้าหมายของตัวเอง ก็จะช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ลองเลือกจากฟีลการใช้งานและความสะดวก ใครไม่แน่ใจ ลองสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเข้ารับบริการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกใจ!
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจภาพรวมเกี่ยวกับเครื่องยกกระชับในปี 2025 มากขึ้นนะคะ อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน และพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและความปลอดภัยของตัวคุณเองนะคะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Call Center : +66 2 714 9555
Whatsapp : +66 96 116 0806
Facebook : SLCclinic
Skype : SLCclinic
LINE : @SLChospital
