Open Daily : 10:00 - 20:00
Call center : 02-714-9555
Line ID : @SLChospital
SLC Online

Overfilled Syndrome ภาวะหน้าล้นจากฟิลเลอร์ สาเหตุและวิธีป้องกัน

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมบางคนฉีดฟิลเลอร์แล้วหน้ากลับดูแก่กว่าเดิม หรือดูไม่เป็นธรรมชาติจนแทบจำไม่ได้ว่าเคยหน้าตาแบบไหน ในปัจจุบันมีภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นบ่อยในวงการความงาม นั่นคือ Overfilled Syndrome หรือภาวะหน้าล้นจากฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นผลพวงจากการเติมสารเติมเต็มมากเกินไปจนใบหน้าสูญเสียความสมดุล 

การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูงในการช่วยปรับรูปหน้าให้แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น แต่เมื่อทำมากเกินไปหรือไม่เหมาะสม กลับอาจทำให้หน้าดูบวม ตึง และไม่เป็นตัวเอง บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า Overfilled Syndrome เกิดจากสาเหตุอะไร มีลักษณะอาการอย่างไร และสำคัญที่สุดคือสามารถป้องกันได้อย่างไรบ้าง? 

Overfilled Syndrome คืออะไร? 

Overfilled Syndrome หรือภาวะหน้าล้น คือภาวะที่เกิดจากการฉีดสารเติมเต็ม (Filler) เข้าไปในใบหน้ามากเกินไป จนทำให้หน้าสูญเสียสัดส่วนและความสมดุลที่เป็นธรรมชาติ แทนที่จะช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น กลับทำให้ใบหน้าดูบวม ตึง แน่น และไม่เป็นตัวเอง 

เปรียบเทียบง่าย ๆ ก็เหมือนการเติมน้ำลงในแก้วที่เต็มอยู่แล้ว ยิ่งเติมมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งล้นออกมาจนควบคุมไม่ได้ ภาวะนี้พบได้ทั้งในคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ชัดเจนขึ้น และคนที่พยายามไล่ตามเทรนด์ความงามจนเกินพอดี ส่งผลให้ใบหน้าสูญเสียเอกลักษณ์เดิมและมิติที่เป็นธรรมชาติไป 

ลักษณะอาการของ Overfilled Syndrome ที่ควรสังเกต 

อาการของ Overfilled Syndrome มีหลายลักษณะที่สังเกตได้ชัดเจน หากพบลักษณะเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณว่าใบหน้าได้รับฟิลเลอร์มากเกินไปแล้ว 

ขอบคุณภาพจาก Exploring facial overfilled syndrome from the perspective of anatomy and the mismatched delivery of fillers. Journal of cosmetic dermatology, 23(6), 1964–1968

Chipmunk Cheeks (แก้มกระรอก) 

โหนกแก้มปูดเต็มจนดูเหมือนกระรอกที่อมอาหารไว้ในปาก มักเกิดจากการเติมใต้ตาและโหนกแก้มมากเกินไป เวลายิ้มแก้มจะยกสูงขึ้นจนบังดวงตา ทำให้ตาดูตี่และเล็กลง บางคนเรียกอาการนี้ว่า Sunset Eyes เพราะดวงตาดูเหมือนกำลังจะลับขอบฟ้า 

Duck Lips หรือ Sausage Lips (ปากเป็ดหรือปากไส้กรอก) 

ริมฝีปากอูมเต่งตึงจนดูเหมือนปากเป็ด หรือบางคนเรียกว่าปากไส้กรอก เพราะริมฝีปากมีขนาดใหญ่เกินสัดส่วนของใบหน้า และดูไม่ลงตัวกับส่วนอื่นๆ การเติมปากมากเกินไปอาจทำให้ปากยื่นออกมาชัดเจนจนดูไม่เป็นธรรมชาติ

A close-up shot of a Pomeranian duck swimming gracefully in a serene body of water

 

Pillow Face (หน้าหมอน) 

ใบหน้าดูแน่นตึงเหมือนหมอนที่ยัดนุ่นจนเต็ม เกิดจากการเติมฟิลเลอร์หลายจุดบนใบหน้าจนแน่นเกินไป ทำให้หน้าสูญเสียมิติและความเป็นธรรมชาติ ดูแบนราบและไม่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยงาม บางครั้งยังเรียกว่า Flying Saucer Face เพราะโหนกแก้มสองข้างปูดออกด้านข้างเหมือนจานบิน 

Flowerhorn Forehead (หน้าผากปลาหมอ) 

หน้าผากมีความโหนกนูนมากกว่าปกติ คล้ายกับหัวของปลาหมอสีหรือปลาทอง เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าผากมากเกินไปจนดูไม่เป็นธรรมชาติ 

หน้าผากปลาหมอ

Avatar Nose หรือ Board Nose (จมูกปีกกว้าง) 

สันจมูกกว้างป้านเหมือนชาวนาวีในภาพยนตร์เรื่อง Avatar มักเกิดจากการเติมฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มและโหนกแก้มมากเกินไป จนดันให้ปีกจมูกถ่างกว้างออก ทำให้จมูกดูใหญ่และไม่สมส่วนกับใบหน้า 

ขอบคุณภาพจากภาพยนต์เรื่อง Avatar

Witch Chin (คางแม่มด) 

คางมีความแหลมหรือนูนเด่นออกมาจากกรอบหน้ามากเกินไป หรือมีความงุ้มงอคล้ายกับคางของแม่มด ซึ่งดูไม่ลงตัวกับส่วนอื่นของใบหน้า 

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิด Overfilled Syndrome 

การเกิด Overfilled Syndrome มีสาเหตุหลักมาจาก 3 ปัจจัยสำคัญที่ควรทำความเข้าใจ 

ความเชื่อที่ว่ายิ่งเยอะยิ่งดี 

หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าการเติมฟิลเลอร์ในปริมาณมากๆ จะทำให้เห็นผลเร็วขึ้นและดูอ่อนเยาว์มากขึ้น แต่ความจริงแล้ว การเติมมากเกินไปกลับทำให้ใบหน้าสูญเสียมิติและความเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์ที่ได้คือหน้าดูแน่น บวม และแข็งทื่อ นอกจากนี้ยังมีปัญหาจากการฉีดฟิลเลอร์ซ้ำๆ บ่อยครั้งก่อนที่ของเก่าจะสลายตัวหมด ทำให้เกิดการสะสมจนใบหน้าดูล้นเกินไป 

การไล่ตามเทรนด์ความงามโดยไม่คำนึงถึงโครงสร้างใบหน้า 

ในยุคโซเชียลมีเดีย หลายคนพยายามปรับรูปหน้าให้เหมือนดารา ไอดอล หรือตามเทรนด์ความงามที่กำลังฮิต โดยไม่คำนึงว่าโครงสร้างใบหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สิ่งที่เหมาะกับคนหนึ่งอาจไม่เหมาะกับอีกคนหนึ่ง การพยายามเลียนแบบโดยไม่คำนึงถึงสัดส่วนและโครงหน้าเดิม อาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติและดูไม่เข้ากับตัวเอง 

เทคนิคและความเข้าใจในการฉีดที่ไม่เหมาะสม 

การฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่แค่การเติมให้เต็มเท่านั้น แต่ต้องอาศัยความเข้าใจเรื่องโครงสร้างใบหน้า กายวิภาคศาสตร์ และหลักสุนทรียศาสตร์ การเลือกใช้ชนิดและคุณสมบัติของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น ใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งมากฉีดในบริเวณที่ผิวบาง หรือฉีดผิดชั้นของผิวหนัง อาจทำให้ฟิลเลอร์ไม่เนียนไปกับโครงสร้าง หรือเกิดการเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งอื่น ส่งผลให้ใบหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ 

Overfilled Syndrome แก้ไขได้อย่างไร? 

สำหรับฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สามารถแก้ไขได้โดยการใช้เอนไซม์ Hyaluronidase ฉีดเข้าไปสลายฟิลเลอร์ส่วนเกินออก แพทย์จะประเมินก่อนว่าควรสลายทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน ขึ้นอยู่กับสภาพและปัญหาของแต่ละคน 

การสลายฟิลเลอร์มีทั้งแบบสลายทั้งหมดที่เคยฉีดมา และแบบสลายเฉพาะส่วนที่รู้สึกว่าเป็นปัญหา หรือที่เรียกว่าการสลายเพื่อปรับแต่ง โดยทั่วไปหลังจากสลายฟิลเลอร์แล้ว อาจมีอาการบวมแดงหรือช้ำเล็กน้อยประมาณ 5-7 วัน และควรรอประมาณ 1-2 สัปดาห์ ก่อนจะฉีดฟิลเลอร์ใหม่เพื่อปรับแก้ไขให้ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติขึ้น 

หากตัดสินใจแก้ไข ควรเลือกปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์และเข้าใจโครงสร้างใบหน้า เพื่อให้การสลายฟิลเลอร์เป็นไปอย่างถูกต้องและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม สำหรับฟิลเลอร์ชนิดถาวรที่ไม่ใช่ Hyaluronic Acid การแก้ไขจะทำได้ยากกว่ามาก และอาจต้องใช้วิธีการอื่นที่ซับซ้อนกว่า 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล 

วิธีป้องกัน Overfilled Syndrome ที่ดีกว่าการแก้ไข 

การป้องกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าล้น มีหลักการสำคัญที่ควรทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ 

  • เริ่มต้นจากปริมาณน้อยก่อน แล้วค่อยเพิ่มตามความเหมาะสม: หลักการ “Less is More” เป็นสิ่งสำคัญในการทำฟิลเลอร์ ควรเริ่มต้นด้วยปริมาณน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยดูผลลัพธ์ หากยังไม่พอใจหรือต้องการปรับเพิ่ม ก็ค่อยกลับมาเติมในครั้งถัดไป การเติมทีละนิดจะช่วยให้ควบคุมผลลัพธ์ได้ดีกว่า และหลีกเลี่ยงการเติมมากเกินไปในครั้งเดียว 
  • เลือกแพทย์ที่เข้าใจโครงสร้างและสัดส่วนใบหน้า: แพทย์ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องกายวิภาคศาสตร์และหลักสุนทรียศาสตร์ จะสามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับโครงหน้าของแต่ละคน โดยคำนึงถึงสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) และความสมดุลของใบหน้า มากกว่าแค่การเติมให้เต็มตามที่ต้องการ แพทย์ที่ดีจะกล้าปฏิเสธหรือแนะนำเมื่อเห็นว่าการเติมมากเกินไปอาจไม่เหมาะสม 
  • ไม่ฉีดซ้ำบ่อยเกินไปก่อนของเก่าจะสลายตัว: ฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีระยะเวลาอยู่ในผิวที่แตกต่างกัน บางตำแหน่งฟิลเลอร์อาจอยู่ได้นานกว่าที่คิด การฉีดซ้ำบ่อยครั้งก่อนที่ของเก่าจะสลายหมด อาจทำให้เกิดการสะสมจนใบหน้าดูล้นได้ ควรให้แพทย์ประเมินก่อนทุกครั้งว่ายังมีฟิลเลอร์เก่าเหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน 
  • ตั้งความคาดหวังที่สมจริงและยอมรับความเป็นตัวเอง: ความสวยที่ดีที่สุดคือการดึงเอกลักษณ์และจุดเด่นของตัวเองออกมา ไม่ใช่การพยายามเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนอื่นหรือตามเทรนด์จนเกินพอดี การยอมรับโครงสร้างใบหน้าตามธรรมชาติและทำงานร่วมกับมัน จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยั่งยืนกว่า 
  • เลือกชนิดและคุณสมบัติของฟิลเลอร์ให้เหมาะกับตำแหน่ง: ฟิลเลอร์มีหลายชนิดและหลายคุณสมบัติ การเลือกใช้ให้เหมาะกับตำแหน่งที่จะฉีดเป็นสิ่งสำคัญ เช่น บริเวณที่ผิวบางควรใช้ฟิลเลอร์เนื้อนุ่ม ส่วนบริเวณที่ต้องการโครงสร้างมากขึ้นอาจใช้เนื้อแข็งกว่า การเลือกใช้ที่ถูกต้องจะช่วยให้ฟิลเลอร์เนียนไปกับผิว และลดโอกาสเกิดปัญหา 

ทำไมบางคนฉีดฟิลเลอร์เหมือนกัน แต่ไม่เกิดภาวะหน้าล้น? 

แม้จะฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งเดียวกัน ปริมาณเท่ากัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันได้ เนื่องจากโครงสร้างกระดูกและใบหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ปริมาณคอลลาเจนในผิวก็ไม่เท่ากัน ความหนาของผิวหนังแต่ละคนก็ต่างกัน 

นอกจากนี้ เทคนิคการวางฟิลเลอร์ในชั้นผิวหนังที่ถูกต้องก็มีความสำคัญมาก หากฉีดไม่ตรงจุดหรือฉีดผิดชั้น อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวหรือไหลไปยังตำแหน่งอื่น โดยเฉพาะการฉีดฟิลเลอร์เนื้อหนักในชั้นตื้น ยิ่งมีโอกาสเกิด Overfilled Syndrome ได้ง่าย ดังนั้นการเลือกแพทย์ที่มีความเข้าใจเรื่องเทคนิคและกายวิภาคศาสตร์จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก 

Be Your Best Self ความสวยที่ยั่งยืนคือการเป็นตัวเอง 

Overfilled Syndrome เป็นภาวะที่เกิดจากการเติมฟิลเลอร์มากเกินไป จนทำให้ใบหน้าสูญเสียความเป็นธรรมชาติและเอกลักษณ์เดิม แม้จะแก้ไขได้ แต่การป้องกันตั้งแต่แรกยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด การเลือกแพทย์ที่เข้าใจโครงสร้างใบหน้า มีแนวคิดที่ว่าความสวยควรดึงเอกลักษณ์ของแต่ละคนออกมา และไม่พยายามเปลี่ยนให้เป็นคนอื่น จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูดีอย่างเป็นธรรมชาติ 

ที่ SLC Clinic มีความเชื่อในหลัก “Be Your Best Self” ว่าความสวยที่ดีที่สุดคือการเป็นตัวคุณเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด การวางแผนการดูแลที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่สูญเสียความเป็นตัวตน หากกำลังมองหาคำปรึกษาเกี่ยวกับการทำฟิลเลอร์ที่เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ ทีมแพทย์พร้อมให้คำแนะนำและวางแผนการดูแลที่เหมาะสมที่สุด 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 
Call Center: +66 2 714 9555 
Whatsapp: +66 96 116 0806 
Facebook: SLCclinic 
Skype: SLCclinic 
LINE: @SLChospital 

รายการอ้างอิง

Lim, T. S., Wanitphakdeedecha, R., & Yi, K. H. (2024). Exploring facial overfilled syndrome from the perspective of anatomy and the mismatched delivery of fillers. Journal of cosmetic dermatology23(6), 1964–1968. https://doi.org/10.1111/jocd.16244

บทความที่เกี่ยวข้อง