Open Daily : 10:00 - 20:00
Call center : 02-714-9555
Line ID : @SLChospital
SLC Online

ประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับคู่ค้าทางธุรกิจ
(Privacy Notice for Business Partners and Contractors)

เอสแอลซีกรุ๊ป (“บริษัท”) เคารพและให้ความสำคัญในสิทธิความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้า ซึ่งอาจเป็นบุคคลธรรมดา หรือตัวแทนของนิติบุคคล เช่น กรรมการ ผู้มีอำนาจลงนาม ผู้รับมอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจช่วง ผู้ปฏิบัติงาน ตัวแทน พนักงาน และลูกจ้างของนิติบุคคลที่ได้เข้าร่วมหรือจะเข้าร่วมทำธุรกรรมต่างๆ กับบริษัท (“ท่าน”) และเพื่อเป็นการปฏิบัติพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองหรือระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง (“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) บริษัทจึงได้ออกประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับคู่ค้าทางธุรกิจฉบับนี้ เพื่อชี้แจงรายละเอียดและวิธีการจัดการและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากท่าน รวมถึงชี้แจงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และส่งต่อ ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว และสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

ข้อ 1. คำนิยาม

คำศัพท์ความหมาย
บริษัทเอสแอลซีกรุ๊ป ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทที่มีรายชื่อปรากฏตามเอกสารแนบท้ายนี้
คู่ค้าบุคคลหรือนิติบุคคลที่เข้าเสนอราคาเพื่อขายสินค้า และ/หรือให้บริการแก่บริษัท พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้เข้าร่วมธุรกิจ (ทั้งในกรณีที่ขายสินค้าให้แก่บริษัท โดยตรง และในกรณีที่ร่วมพัฒนาสินค้ากับบริษัทเพื่อจำหน่าย) ผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ ผู้ว่าจ้าง ผู้รับจ้าง ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ วิทยากร คู่สัญญาของบริษัท
ผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้าบุคคลหรือนิติบุคคลที่อาจเป็นคู่ค้ากับบริษัท ทั้งในกรณีที่บุคคลดังกล่าวได้แสดงเจตนาจะเข้าทำสัญญา และ/หรือจะลงทะเบียนเป็นคู่ค้าของบริษัท ผู้ที่สนใจเข้าร่วมธุรกิจ ผู้ดำเนินงานร่วมกับบริษัท หรือบุคคลอื่นใดที่ขอใบเสนอราคา หรือที่บริษัทเสนอราคา
ข้อมูลส่วนบุคคลข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ได้แก่ ข้อมูลเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนดเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลบุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลบุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลการดำเนินการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เก็บรวบรวม บันทึก สำเนา จัดระเบียบ เก็บรักษา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ใช้ กู้คืน เปิดเผย ส่งต่อ เผยแพร่ โอน รวม ลบ ทำลาย เป็นต้น
กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายความรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ ในอนาคต
การจัดทำข้อมูลนิรนามกระบวนการที่ทำให้ความเสี่ยงในการระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลนั้นเหลือน้อยมากจนแทบไม่ต้องบริหารจัดการความเสี่ยง (Negligible Risk)

ข้อ 2. ช่องทางและแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้

  • 2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง: บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านโดยการขอข้อมูลจากท่านโดยตรง ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบเอกสาร หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยอาจให้ท่านกรอกข้อมูลลงในเอกสารที่บริษัทจัดเตรียมไว้ หรือกรอกข้อมูลลงในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ทางบริษัทได้กำหนด และ/หรือวิธีอื่นใด
  • 2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอก: ในกรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลที่สาม ลูกค้าของบริษัท และ/หรือบุคคลอื่นใดที่เป็นผู้ควบคุมหรือประมวลผลข้อมูล ที่บริษัทเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นผู้มีสิทธิประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและมีสิทธิเปิดเผยให้แก่บริษัทได้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการได้รับข้อมูลมาจากช่องทาง ดังนี้
    • 2.2.1 บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลภายนอก เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลผ่านคนกลาง หรือในบางกรณีบริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน หรือแหล่งข้อมูลทางการค้า เป็นต้น
    • 2.2.2 เจ้าหน้าที่และหน่วยงานผู้มีอำนาจตามกฎหมาย เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
    • 2.2.3 บุคคลที่สามอื่นๆ เช่น บริษัทที่ท่านสังกัด ผู้แทนของท่าน นายจ้าง ผู้สนับสนุน และบุคคลที่สามที่มีบทบาทในการให้บริการแก่ท่าน ผู้จัดจำหน่าย ตัวแทนที่เป็นบุคคลภายนอก รวมถึงบุคคลใดๆ ที่ดำเนินการในนามของบุคคลเหล่านั้น

ข้อ 3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม

  • 3.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ-นามสกุล ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยราชการ (เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หนังสือเดินทาง เป็นต้น) ลายมือชื่อ
  • 3.2 ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล)
  • 3.3 ข้อมูลตามนามบัตร เช่น อาชีพ ตำแหน่งงาน สถานที่ทำงาน
  • 3.4 ข้อมูลการโต้ตอบและการสื่อสารในกรณีที่ท่านติดต่อบริษัท รวมถึงข้อมูลที่ท่านเลือกจะแบ่งปันและเปิดเผยผ่านระบบ แอปพลิเคชัน เครื่องมือ แบบสอบถาม และบริการต่างๆ ของบริษัท ไม่ว่าจะในรูปแบบ หรือวิธีใดๆ ก็ตาม ซึ่งอาจเป็นภาพ หรือเสียง โดยไม่จำกัดเพียง โทรศัพท์ อีเมล ข้อความสนทนา และการสื่อสารทางสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)
  • 3.5 ข้อมูลที่ระบุสถานะ การเป็นตัวแทนธุรกิจ ผู้ค้ำประกัน ผู้ให้หลักประกัน สถานะการเป็นผู้บริหารระดับสูง กรรมการ กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม ผู้ถือหุ้น หรือผู้รับมอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจช่วง ผู้ปฏิบัติงาน ตัวแทน พนักงาน และลูกจ้างของนิติบุคคลที่ได้เข้าร่วม หรือจะเข้าร่วมทำธุรกรรมต่างๆ กับบริษัท
  • 3.6 ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการลงทะเบียนเป็นคู่ค้ากับบริษัทหรือในการทำธุรกรรมต่างๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประชาชน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาหนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน ใบสำคัญจ่าย รวมถึง เอกสารอื่นใดที่ใช้ในการระบุตัวตน และการยืนยันตัวตน
  • 3.7 ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ท่านได้ให้ไว้แก่บริษัท เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นของผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งท่านรับรองต่อบริษัทว่าท่านได้รับความยินยอมจากผู้เกี่ยวข้องให้เปิดเผยข้อมูลแก่บริษัท รวมถึงยินยอมให้บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลนั้นเพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้แล้ว

บริษัทไม่มีความประสงค์จะจัดเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน แต่หากข้อมูลดังกล่าวปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิดเผยไว้ต่อบริษัท เช่น เชื้อชาติ หรือข้อมูลศาสนา และท่านได้ทำการส่งมอบข้อมูลใดๆ ซึ่งปรากฏข้อมูลที่มีลักษณะเช่นว่านี้ให้แก่บริษัท ไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบข้อมูลในลักษณะเป็นเอกสาร หรือสื่ออื่นใด บริษัทแนะนำให้ท่านเป็นผู้ปกปิดข้อมูลอ่อนไหวเหล่านี้ด้วยตัวท่านเอง โดยวิธีการขีดฆ่าข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว อย่างไรก็ตาม หากท่านไม่ได้ปกปิดข้อมูลด้วยตัวท่านเอง บริษัทถือว่าท่านได้อนุญาตโดยชัดแจ้งให้บริษัททำการปกปิดข้อมูลเหล่านี้ให้แก่ท่าน และให้ถือว่าข้อมูลที่ท่านส่งมอบมานี้ซึ่งบริษัทได้จัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวให้แก่ท่านแล้วเป็นเอกสารที่สมบูรณ์ ใช้บังคับได้ตามกฎหมายทุกประการ และให้บริษัทสามารถนำไปประมวลผลได้ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่บริษัทไม่สามารถจัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวแก่ท่านได้เนื่องด้วยปัญหาเชิงเทคนิคหรือปัญหาอื่นใด บริษัทจะทำการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น

ข้อ 4. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

  • 4.1 บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีท่านต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา และ/หรือการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และภายใต้วัตถุประสงค์ที่ชอบด้วยกฎหมายในการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าว บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือปฏิเสธการให้สิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
  • 4.2 บริษัทอาจอาศัยฐานทางกฎหมายเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้
วัตถุประสงค์ฐานทางกฎหมาย
เพื่อดำเนินการตามคำขอหรือความประสงค์ของท่าน ก่อนหรือขณะเข้าทำสัญญา รวมถึงการติดต่อกับท่านก่อนที่ท่านจะเข้าทำสัญญากับบริษัท และดำเนินการใดๆ เพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจของบริษัท เช่น การประเมินความเหมาะสม คุณสมบัติ การเสนอข้อเรียกร้อง การเสนอราคา และการประกวดราคาการปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อบริหารจัดการให้เป็นไปตามสัญญาที่บริษัทได้ทำขึ้นหรือจะได้จัดทำขึ้นระหว่างบริษัทกับท่าน รวมถึงการตรวจรับ และการรับสินค้าหรือบริการ บริหารจัดการความสัมพันธ์ ตรวจสอบและประเมินการทำงานตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ในใบสั่งซื้อ หรือสัญญา หรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างการปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อดำเนินการประมวลผลตามคำขอ การอนุมัติ การเข้าทำสัญญา การใช้บริการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การตรวจสอบและยืนยันตัวตน ในขั้นตอนการขึ้นทะเบียนคู่ค้า รวมถึงการจัดการความสัมพันธ์ตามสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท การจัดการในเรื่องต่างๆ ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการลงนามและปฏิบัติตามสัญญาการปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อการจัดซื้อ จัดจ้าง คัดเลือกคู่ค้า ลงทะเบียนคู่ค้ารายใหม่ การตรวจสอบข้อมูลและคุณสมบัติของคู่ค้า หรือผู้เกี่ยวข้องที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ตลอดจนการดำเนินการตามคำขอต่างๆ ของคู่ค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันในระบบของบริษัท เช่น การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลของคู่ค้า เป็นต้นการปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อการเก็บรักษา แก้ไขปรับปรุงรายชื่อ สมุดรายนาม และประวัติการดำเนินการทางธุรกิจใดๆ ระหว่างบริษัทกับคู่ค้าให้เป็นปัจจุบัน การจัดเก็บสัญญาและเอกสารที่เกี่ยวข้องในสารบบของบริษัทเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อการเรียกเก็บเงิน หรือหนี้ที่ท่านค้างชำระอยู่กับบริษัท การเข้าทำธุรกรรม การดำเนินการชำระเงิน และ/หรือรับชำระเงินจัดการกับข้อเรียกร้องและข้อพิพาท รวมถึงการดำเนินการแก้ไขข้อพิพาท การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัท ในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมาย หรือการดำเนินคดีต่างๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมายการปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อบริหารโครงสร้างบริษัท การจัดเก็บข้อมูลเพื่อจัดทำรายงาน การควบคุมภายใน การดำเนินธุรกิจ และการปฏิบัติตามนโยบายและกระบวนการของบริษัท ซึ่งรวมถึงการดำเนินการเกี่ยวกับการควบคุมความเสี่ยง ความปลอดภัย การตรวจสอบบัญชี การเงินและการบัญชี ระบบและการดำเนินการเพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจของบริษัทเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อใช้ในการโอน การควบรวมกิจการ การฟื้นฟูกิจการ หรือเหตุการณ์ในทำนองเดียวกัน ซึ่งบริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลที่สามรายใดรายหนึ่ง หรือหลายรายซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมนั้นๆเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อดำเนินการให้เกิดผลสำเร็จของธุรกรรม การตั้งหนี้ การชำระเงิน การหักบัญชี รายการบัญชี และตรวจสอบความถูกต้องของเลขที่บัญชี และหมายเลขบัตรเครดิต หรือเดบิต และธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน การคืนเงิน การออกใบสำคัญรับเงินใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้ การชำระหนี้ การเรียกเก็บเงิน และการดำเนินการอื่นใดเกี่ยวกับบัญชีของท่านในฐานะคู่ค้าทางธุรกิจของบริษัทการปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อการบริหารกิจการของบริษัท ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ระบุ และตรวจสอบการทุจริต การฟอกเงิน การก่อการร้าย การทุจริตประพฤติโดยมิชอบ หรือการก่ออาชญากรรมอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบุคคลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้าของบริษัทเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการวิเคราะห์ จัดเตรียมกิจกรรม การดำเนินงานตามสัญญา และเพื่อดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการจัดการบริหารสัญญา หรือการเข้าทำสัญญาเพิ่มเติมในคราวต่อๆ ไปการปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อเป็นฐานข้อมูลผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท และ/หรือใช้ข้อมูลเพื่อการบริหารความสัมพันธ์ หรือการติดต่อประสานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทและท่านเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ทั้งในและต่างประเทศที่ใช้บังคับ และเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย เช่น คำสั่งศาล คำสั่งของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลบริษัท หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ รวมถึงการดำเนินการที่เกี่ยวกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือการดำเนินคดีการปฏิบัติตามกฎหมาย
เพื่อใช้ในการออกใบกำกับภาษี โดยเป็นไปตามประมวลรัษฎากรและกฎหมายหรือประกาศอื่นใดที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรา 86/4 ของประมวลรัษฎากร ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 199) เป็นต้นการปฏิบัติตามสัญญา/การปฏิบัติตามกฎหมาย

ข้อ 5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจเปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอก (รวมถึงบุคลากรและตัวแทนของบุคคลภายนอก) ภายในประเทศไทยหรือนอกประเทศไทยดังต่อไปนี้ เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ตามที่ระบุในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยท่านสามารถอ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกเหล่านั้นเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่บุคคลภายนอกดังกล่าวประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้

  • 5.1 กลุ่มบริษัท ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเข้าถึงหรือเปิดเผยให้แก่นิติบุคคลอื่นๆ ภายในกลุ่มบริษัท ซึ่งรวมถึงกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลดังกล่าว ตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  • 5.2 ผู้ให้บริการของบริษัท บริษัทอาจใช้บริการของบุคคล นิติบุคคล ตัวแทน หรือผู้รับจ้างเพื่อการให้บริการต่างๆ ในนามของบริษัท หรือเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนในการจัดการตามวัตถุประสงค์ใดๆ ที่ระบุในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับผู้ให้บริการเหล่านี้ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง (ก) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ (ข) ตัวแทนการสำรวจ (ค) ตัวแทนด้านการตลาด สื่อโฆษณาและการติดต่อสื่อสาร (ง) ผู้ให้บริการชำระเงิน และ (จ) ผู้ให้บริการด้านธุรการและการดำเนินงานเป็นต้น
    บริษัทจะให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่ผู้ให้บริการของบริษัทเพียงเท่าที่จำเป็นสำหรับการให้บริการโดยผู้ให้บริการดังกล่าวเท่านั้น และบริษัทจะดำเนินการให้เป็นที่มั่นใจว่าผู้ให้บริการทุกรายที่บริษัททำงานด้วยจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้อย่างปลอดภัยและจะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกจากเพื่อการให้บริการแก่บริษัทเท่านั้น
  • 5.3 บุคคลภายนอกตามที่กฎหมายอนุญาต ในบางกรณี บริษัทอาจจะจำเป็นที่จะต้องเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบุคคลภายนอก เพื่อปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามกฎหมายหรือกฎระเบียบ ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ศาล หน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานรัฐ หรือบุคคลภายนอกอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
  • 5.4 ที่ปรึกษาวิชาชีพ บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ที่ปรึกษาวิชาชีพของบริษัทที่เกี่ยวกับบริการด้านการตรวจสอบ กฎหมาย การบัญชี และภาษีอากร ซึ่งช่วยในการประกอบธุรกิจหรือจัดการเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทางกฎหมาย
  • 5.5 บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการโอนธุรกิจ บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ลงทุน ผู้ถือหุ้นรายสำคัญ ผู้รับโอนสิทธิ บุคคลที่อาจเป็นผู้รับโอนสิทธิ ผู้รับโอนหรือบุคคลที่อาจเป็นผู้รับโอนของบริษัท ในกรณีที่มีการฟื้นฟูกิจการ การปรับโครงสร้างกิจการ การควบรวมกิจการ การเข้าซื้อกิจการ การขาย การซื้อ กิจการร่วมค้า การโอน การเลิกกิจการ หรือเหตุการณ์ใดในทำนองเดียวกันที่เกี่ยวข้องกับการโอนหรือการจำหน่ายจ่ายโอนธุรกิจ สินทรัพย์ หรือหุ้นทั้งหมดหรือส่วนใดๆ ของบริษัท ถ้ามีเหตุการณ์ใดๆ ดังกล่าวข้างต้นเกิดขึ้น ผู้รับข้อมูลจะปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ในกรณีที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ บริษัทจะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าบริษัท ได้ส่งหรือโอนไปยังประเทศปลายทาง องค์กรระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศที่มีมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ในบางกรณี บริษัทอาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

ข้อ 6. ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่มีความจำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ของการประมวลผล ตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ โดยแบ่งได้ดังนี้

  • 6.1 กรณีที่ท่านให้ข้อมูลแก่บริษัทในฐานะที่ท่านเป็นคู่สัญญา คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้า ผู้เกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านั้น – บริษัทจะเก็บข้อมูลท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บริการแก่ท่านตามระยะเวลาในสัญญา และจะเก็บต่อไปอีก 10 (สิบ) ปี นับถัดจากปีที่สิ้นสุดสัญญาหรือสิ้นสุดความสัมพันธ์กับท่าน
  • 6.2 ในกรณีมีการขอใช้สิทธิตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ บริษัทจะเก็บหลักฐานประวัติการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไว้ 1 (หนึ่ง) เดือน นับถัดจากเดือนที่บริษัทพิจารณาคำขอของท่านแล้วเสร็จ
  • 6.3 กรณีอื่นๆ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นตามสมควรเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ของบริษัท และเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ กรณีที่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี) ทั้งนี้ หากมีการดำเนินการทางศาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกจัดเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงระยะเวลาใดๆ ในการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ จากนั้นข้อมูลของท่านจะถูกลบหรือเก็บตามที่กฎหมายอนุญาต

เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้ว บริษัทจะดำเนินการลบ ทำลาย ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างไว้นานกว่าที่ระบุข้างต้น หากจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจผู้เกี่ยวข้อง และเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือโดยชอบตามกฎหมาย

ข้อ 7. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทได้มีการเลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีกลไกและเทคนิคที่เหมาะสม และจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

  • 7.1 กำหนดสิทธิในการเข้าถึง การใช้ การเปิดเผย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการแสดงหรือยืนยันตัวบุคคล ผู้เข้าถึงหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคล อย่างเคร่งครัด
  • 7.2 ใในการส่งหรือการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ (ถ้ามี) รวมถึงการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บบนฐานข้อมูลในระบบอื่นใด ซึ่งผู้ให้บริการรับโอนข้อมูลหรือบริการเก็บรักษาข้อมูลอยู่ต่างประเทศ ประเทศปลายทางที่เก็บรักษาข้อมูลต้องมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่ากับหรือดีกว่ามาตรการตามนโยบายนี้
  • 7.3 ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของบริษัท จนเป็นเหตุให้มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลสู่สาธารณะ บริษัทจะดำเนินการแจ้งเจ้าของข้อมูลให้ทราบโดยเร็ว รวมทั้งแจ้งแผนเยียวยาความเสียหายจากการละเมิดหรือการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลสู่สาธารณะ (ในกรณีที่เกิดจากความบกพร่องของบริษัท)

ข้อ 8. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

  • 8.1 สิทธิขอเพิกถอนความยินยอม หากท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ โดยบริษัทจะแจ้งถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการถอนความยินยอมดังกล่าวให้ท่านทราบ
    การถอนความยินยอมจะไม่กระทบต่อความชอบด้วยกฎหมายของการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของท่านตามความยินยอมของท่านก่อนที่จะขอถอนความยินยอม หรือการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย และการโอนข้อมูลที่ละเอียดไปยังบุคคลภายนอกหรือโอนไปยังผู้รับในต่างประเทศ (ถ้ามี) ที่บริษัทมีสิทธิดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน
  • 8.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงหรือขอรับสำเนาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม ทั้งนี้ บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำร้องขอ หากการเข้าถึงหรือขอรับสำเนานั้นส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือกรณีที่ท่านไม่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
  • 8.3 สิทธิขอโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
  • 8.4 สิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในเวลาใดก็ได้ หากเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สถิติ ทั้งนี้บริษัทสามารถปฏิเสธคำร้องขอได้หากเป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือกรณีที่บริษัทแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายสำคัญยิ่งกว่า หรือเพื่อก่อตั้ง การใช้สิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตามกฎหมาย
  • 8.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเห็นว่าบริษัทไม่มีความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธคำร้องขอดังกล่าวหากข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านร้องขอให้ลบนั้นจำเป็นต้องเก็บรวบรวมตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการดำเนินการของบริษัท
  • 8.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทไม่มีความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  • 8.7 สิทธิขอให้แก่ไขข้อมูล ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้องหากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  • 8.8 สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน ในกรณีที่บริษัทมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย

บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการตามการร้องขอของท่านภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผลและไม่เกินระยะเวลาที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ ในการใช้สิทธิของท่านตามที่ระบุไว้ในข้อ 8.1 ถึง 8.8 ข้างต้น เป็นสิทธิที่มีข้อจำกัดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบริษัทอาจปฏิเสธการใช้สิทธิของท่านได้หากบริษัทมีเหตุโดยชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธการใช้สิทธิดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธิในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ ย่อมจำกัดไว้แต่เพียงแต่การให้บริการพื้นฐานที่ไม่ทำให้บริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเกิดค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็น หากการใช้สิทธิของท่านได้ก่อให้เกิดค่าธรรมเนียมและ/หรือค่าใช้จ่ายเพื่อการดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน ท่านจะต้องรับผิดชดใช้คืนเงินค่าดำเนินการต่าง ๆ ที่มีการขอใช้สิทธิเช่นว่านั้นแก่บริษัท

ข้อ 9. วิธีการติดต่อ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โปรดติดต่อช่องทาง ดังนี้

  • 9.1 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
    ชื่อ: บริษัท เอสเทติก อานเซอร์ จำกัด
    สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 126/19-20 ซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) แขวงคลองตันเหนือ
    เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
    ช่องทางการติดต่อ: โทรศัพท์ 023812651
    e-mail address: dpo@slc-group.com
  • 9.2 ผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor)
    ชื่อ: พิมลภา อัครนิธิพลชัย
    สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 126/19-20 ซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) แขวงคลองตันเหนือ
    เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
    ช่องทางการติดต่อ: โทรศัพท์ 023812651
    e-mail address: dpo@slc-group.com

ทั้งนี้ หากท่านประสงค์จะขอใช้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้นตามข้อ 8 สามารถติดต่อบริษัทตามรายละเอียดการติดต่อข้างต้น หรือกรอก “แบบคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject Right Request Form)”

ข้อ 10. การปรับปรุงประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

บริษัทอาจแก้ไข ทบทวน และปรับปรุงประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่สำคัญด้วยช่องทางที่เหมาะสม เพื่อความมีประสิทธิภาพในการให้บริการ ทั้งนี้ บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่านอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวทุกครั้งที่เยี่ยมชม หรือใช้บริการจากบริษัท หรือเว็บไซต์ของบริษัท

ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566

ปรับปรุงล่าสุด : วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567